สังคม

กลุ่มผู้สูงอายุ ร้องถูกหลอกลงทุน บ.พลังงาน เผย 'ฟิล์ม รัฐภูมิ' เป็นเหตุผลทำหลงเชื่อ

โดย panwilai_c

15 พ.ย. 2567

54 views

รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเตรียมเตรียมออกหมายเรียก ฟิล์ม รัฐภูมิ โดยมีผู้สูงอายุ วัยเกษียณหลายคน ออกมาร้องเรียนว่าหลงเชื่อร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงาน จนทำให้แต่ละคนสูญเงินเก็บก้อนสุดท้ายไปจำนวนมาก



การออกมาร่วมงานสัมนา ชักชวนให้ผู้เข้าร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงาน ของนายฟิล์ม รัฐภูมิ ทำให้มีผู้ให้ความเชื่อถือจำนวนมาก จนยอมร่วมลงทุน ในบริษัทออสซี่ออยส์ เอ็นเนอร์ยี่



ผู้สูงอายุ ในวัยเกษียณหลายคน ร้องเรียน ว่า ได้นำเงินเก็บก้อนสุดท้าย มาลงทุนในธุรกิจพลังงาน ที่มีนายสมโชค เดชะ เป็นเจ้าของธุรกิจ โดยเสียค่าสมัครเป็นสมาชิก และลงทุนในธุรกิจสัมปทานเรือขนส่งน้ำมัน



รถเก็บขยะพลังงานไฟฟ้า แฟรนไชส์น้ำมันเพื่อการเกษตร มีการทำโปรโมชั่น ออกมาตลอด เพื่อให้ผู้สูงอายุชักชวนคนมาร่วมลงทุน แต่เมื่อยิ่งลงทุนคนละหลายล้านบาท กลับไม่ได้ค่าตอบแทน



โดยคดีนี้ดีเอสไอ ได้สอบสนผู้เสียหายร่วม 519 ราย มูลค่าคามเสียหายสูงเกือบ 500 ล้านบาท ออกหมายจับนายสมโชค และ นส.พัชรธร แต่ได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ ยึดทรัพย์ได้ 35 ล้านบาท จึงเรียกร้องให้สืบทรัพย์ต่อเพราะเชื่อว่าดารา น่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่อีกคดี ที่นส.กฤษอนงค์ เคยตกเป็นผู้ต้องหา ในคดีแชร์ลูกโซ่



ได้รับการเปิดเผยจากชุดทำงานว่า ในช่วง ปี 2560 กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบเร่งรัดการปราบปรามการกระทำผิดแชร์ลูกโซ่ โดยเฉพาะการดำเนินการต่อตัวการสำคัญในขบวนการกระทำผิด เข้าจับกุม นายทรัพย์อานันท์ เจริญวัฒนอุดม บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง ช่วงเดือนตุลาคม 2560 เนื่องจากหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง ชักชวนให้บุคคลทั่วไปสมัครเข้าร่วมหลายโครงการ



โดยมีการเสนอให้ผลตอบแทนกับผู้สมัครสมาชิก ว่า หากสมาชิกเสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือ ซึ่งแก่ทางญาติ และการชักชวนให้ผู้ใดเข้าร่วมโครงการจะได้รับผลตอบแทนในการชักชวนต่อหัว อันเข้าลักษณะของการชี้ชวนให้มีการระดมเงินแล้วมีการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ชักชวนโดยการนำเงินที่ได้รับมาจากสมาชิกที่สมัครมาจ่ายผลตอบแทน อันเข้าข่ายความผิดการกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซี่งห้ามมิให้ผู้ใดชักชวนหรือชี้ช่อง หรือจัดการให้ผู้อื่นเข้าเป็นสมาชิกในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์



โดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินหรือเป็นทรัพย์สินอื่นไม่ว่าจะเป็นสินจ้างหรือค่าใช้จ่ายในการชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการนั้น ซึ่งมีผู้เสียหายกว่า 3,000 ราย และมีความเสียหายประมาณ 150 ล้านบาท โดยคดีดังกล่าว ในชั้นพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ยังได้จับ นางสาวกฤษอนงค์ และอดีตสามี ซึ่งเป็นตำรวจ ร่วมจับผู้ต้องหาทั้งหมด 6 คน เมื่อส่งสำนวนให้อัยการแล้ว อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นส.กฤษอนงค์ และอดีตสามีซึ่งตำรวจ และอีกรายเป็นนิติบุคคล แต่เมื่อส่งคำสั่งไม่ฟ้องกลับมา ที่ กลุ่มงานความเห็นแย้งของดีเอสไอแล้ว มีความเห็นไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง



โดยคดีนี้ศาลชั้นต้น ตัดสินเมื่อกันยายน 2566 สั่งจำคุก จำเลย คือนายทรัพย์อานัน และพวกอีก 2คน คนละ 586 ปี 6เดือน ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการโกงประชาชน ปัจจุบันจำเลยอยังสู้คดีในชั้นอุทธรณ์

คุณอาจสนใจ

Related News