สังคม

ทำเป็นขบวนการ! เปิดเส้นเงิน 39 ล้าน 'เจ๊อ้อย' โอนให้ 'ทนายตั้ม'

โดย panisa_p

12 พ.ย. 2567

98 views

ตำรวจกองปราบปราม พบหลักฐานนายษิทรา หรือทนายตั้ม มีส่วนเชื่อมโยงกับเส้นเงิน 39 ล้านบาท ซึ่งมีการแต่งเรื่อง แสดงละครตบตานางจตุพร หรืออ้อย ผู้เสียหาย เป็นขบวนการ เพื่อให้เชื่อว่าเงินถูกแก๊งสแกมเมอร์แฮกเงินไป 39 ล้านบาท และกระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ ทั้งที่มีเงินจำนวน 2 ล้านบาท ที่โอนไปยังแก๊งสแกมเมอร์ แต่ไปหลอกนางจตุพร ว่าเงินถูกแฮกหมดบัญชี



เส้นทางการโอนเงิน 39 ล้านบาท เริ่มจาก นางจตุพร หรืออ้อย ได้คุยกับสแกมเมอร์ แอบอ้างเป็นดาราจีน ชื่อ เฉินคุน คุยกับ นางจตุพร จริง โดยนางจตุพร คุยอยู่หลายเดือน โดยนางจตุพรหลงเชื่อว่า เป็น เฉินคุน จริง กระทั่งได้ว่าจ้างจะให้มาโชว์ตัว สแกมเมอร์ ปลอมเป็นเฉินคุน รับเงินค่าจ้่างเป็นบิตคอยน์ และส่งกระเป๋าเงินดิจิทัล มาให้ นางจตุพร โอนเหรียญ



แต่นางจตุพร โอนไม่เป็น จึงได้มาปรึกษานายษิทรา ให้ช่วยดำเนินการให้ จึงเป็นที่มาของตัวละครเพิ่มขึ้น แนะนำ นายนุุวัฒน์ และ สารินี ภรรยา มา ช่วย โดยนายนุได้โอนเหรียญบิตคอยน์ไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่นางจตุพร ได้มาจากสแกเมอร์จริง ในราคา 2 ล้านบาท และนางจตุพร ก็ได้โอนเงิน คืนให้กับทนายตั้ม 2 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบของตำรวจ ไม่พบว่าทนายตั้ม โอนเงิน 2 ล้านบาท คืนให้กับนายนุวัฒน์แต่อย่างใด



เหตุการณ์ก็น่าจะจบแต่การเล่นละครตบตาบทใหม่ก็เกิดขึ้น โดยอ้างว่า กระเป๋าเงินดิจิทัล ที่นางจตุพร ให้โอนไป ทำให้เงินบิตคอยน์ที่สะสมอยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัล ของนายนุวัฒน์ และสารินี ถูกแฮก ออกไปจนหมดบัญชีทั้งหมด เงินที่เก็บมาทั้งชีวิตไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว และกระเป๋าเงินถูกระงับ



จากนั้น นายนุวัฒน์ และสาริณีได้ไปลงบันทึกประจำวัน ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ว่ากระเป๋าเงินดิจิทัล ถูกำอายุัด จากการโอนบิตคอยน์ให้กับแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นการแจ้งความเท็จ แล้วส่งสำเนาบันทึคกประจำวันให้ผู้เสียหายดู



เมื่อนายษิทรา ให้ นายนุวัฒน์ และสารีณี สองสามีภรรยา แสดงละคร ถกเถียงกันอย่างหนัก ขณะที่เดินทางท่องเที่ยวที่ฟืนแลนด์ ช่วงเดือนพฤษภาคา 2566 จนนางจตุพร



ต้องโอนเงิน 39 ล้านบาท คืนให้กับนายนุวัฒน์ แต่นายนุวัฒน์ไม่ต้องการให้เงินโอนเข้าบัญชีตัวเอง จึงใช้บัญชีของ สารีนี ภรรยา รับโอนเงินมา 39 ล้านบาท ทั้งที่ขอ้เท็จจริงกระเป๋าเงิน ที่ใช้โอนเป็นกระเป๋าเงินของนายนุวัฒน์ และไม่พบว่ากระเป๋าถูกระงับ แต่อย่างใด



เมื่อได้เงินโอนมา 39 ล้านบาท จึงเป็นที่มาของการนำเงินแคชเชียร์เช็คฝาก เข้าบัญชี และทำการถอนเงินสด ออกจากบัญชีทั้งหมด ที่ธนาคารใน ห้างสรรพสินค้า ย่านลาดพร้าว



โดยมีนายนุวัฒน์ และสารีนี สองสามีภรรยา ลากกระเป๋าเข้าไปในธนาคาร เพื่อถอนเงิน ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทาง พร้อมเงินสด 39 ล้านบาท ออกจากธนาคาร และยังมีคนร่วมช่วยเคลื่อนย้ายกระเป๋า คุ้มกัน รวม 4 คนมาที่ลานจอดรถ โดยมีรถของนายษิทรา จอดรออยู่ และมีส่วนร่วมในการถอนเงิน เป็นการแบ่งหน้าาที่กันทำงาน โดยมีนายษิทรา เป็นผู้กำกับบททุกขั้นตอน



วันนี้ กองกำกับการ 3กองปราบปราม จึงได้ขอหมายศาลเข้าจับกุม นายนุวัฒน์ อาย 34 ปีได้ที่บ้านย่่าน และ นางสาวสาริณี ได้ที่บ้าน ย่านรามคำแหง 39 พร้อมเข้าตรวจค้น 2 จุด ยึดรถยนต์ 2 คัน เป็นรถปอรเช สีขาว ทะเบียน ฆน 999 เปลี่ยนสีใหม่เป็นสีฟ้า และ และค้นบ้านซอยนาคนิวาส 48 ย่านลาดพร้อม ของนางสาวสารินี พร้อมรถเบนซ์ กค 999 โดยรถทั้งสองคัน เป็นชื่อนายนุวัฒน์



ขณะที่ประวัติของนายนุวัฒน์ ตำรวจเปิดเผยว่า ตามมารดา ซึ่งแต่งงานใหม่กับชาวต่างชาติไปอยู่ที่เยอรมันนี และได้เรียน ปวชฯ ที่นั่น จนมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ไอที หลังเรียนจบทำงานอยู่ที่เยอรมัน 2 ปี มีความรู้ด้านเหรียญคลิปโต

เมื่อย้ายมาอยู่เมืองไทย



ได้เปิดเว็บไซค์ชมภาพยนต์ต่างประเทศฟรี จนเป็นที่มาของการถูกบริษัทภาพยนต์ต่างประเทศฟ้องร้อง เมื่อเชิร์สหาทนายความก็ไปเจอนายษิทรา จ้างมาทำคดีให้ คดีอยู่ระหว่างชดใช้ค่าเสียหาย แต่มีรายได้มาจากการเทรดเหรียญคลิปโต แต่สิ่งที่นายนุวัฒน์กล่าว ยังไม่มีหลักฐานมายืนยัน และให้การปฏฺิเสธทุกข้อกล่าวหา



ส่วนรถปอร์เช สีน้ำตาล ทะเบียน ธก 999 ของนายษิทรา ก็ปรากฎที่ลานจอดรถ ขณะมีการเบิกเงินสด 39 ล้านบาท เช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ตำรวจยึดทรัพย์ทนายเป็นบ้าน และที่ดินราคา 43 และเงินสด 28 ล้านบาท

คุณอาจสนใจ

Related News