ศปช. เตือน 11 จังหวัด ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ย้ายของขึ้นที่สูง เฝ้าระวังน้ำท่วม

สถานการณ์พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนนี้ มวลน้ำจากภาคเหนือเริ่มไหลลงมาเติม จนส่งผลต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน ล่าสุด ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. ได้ประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ท้ายเขื่อนให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด



GISTDA เผยภาพจากดาวเทียม Sentinel-2B บันทึกภาพเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567 บริเวณจังหวัดสุโขทัย และพิษณุโลก ที่ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้แม่น้ำยมล้นตลิ่ง ส่งผลให้หลายอำเภอเกิดน้ำท่วมขัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตร เส้นทางคมนาคม และพื้นที่ที่อยู่อาศัยบางส่วน



โดยตอนนี้มวลน้ำจากพื้นที่เหนือเขื่อน เริ่มส่งผลกระทบต่อการระบายน้ำตามมา อย่างพื้นที่ที่ ชัยนาท มวลน้ำเจ้าพระยา ไหลทะลักท่วมชุมชนเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้คันกั้นน้ำพังทลาย จนหลากเข้าท่วมพื้นที่หมู่ 4 ตำบลธรรมามูล ชาวบ้านกว่า 100 หลังคาเรือน ได้รับผลกระทบ ประกอบกับทางกรมชลประทาน ได้มีการปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำ ผ่านทางด้านท้ายเขื่อนและทางกรมชลประทานยังได้มีการหน่วงน้ำเอาไว้ ในระดับ 17.00 เมตร/ระดับน้ำทะเลปานกลาง เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ทางด้านท้ายน้ำ ทางเทศบาลตำบลธรรมามูล ได้นำรถแบ็คโฮ เข้าเสริมคันดินตามจุดเสี่ยงที่น้ำอาจจะกัดเซาะ ไหลเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน เพื่อป้องกันไม่ให้มวลน้ำเข้าท่วมขยายเป็นวงกว้าง



ขณะที่จังหวัดสิงห์บุรี สถานการณ์น้ำก็เริ่มวิกฤต โดยที่ตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่สุดของอำเภอ น้ำเริ่มเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 5 รวมเกือบ 100 หลังคาเรือน หลังเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มระดับการระบายน้ำไปที่ 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ชาวบ้านเร่งขนย้ายข้าวของ ขึ้นไว้บนที่สูง และบางส่วนก็เริ่มทยอยขนย้ายออกมา สร้างเพิงพักอยู่ที่ริมถนนข้างคลองชลประทาน โดยชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นอีก จึงตัดสินใจขนย้ายสิ่งของและสัตว์เลี้ยงมาอาศัยอยู่ริมถนน



นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. และ ศปช. ส่วนหน้า จังหวัดเชียงราย ย้ำเตือนประชาชน ในบริเวณพื้นที่ลุ่มริมน้ำ ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา รวม 11 จังหวัด ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ภายหลังเขื่อนเจ้าพระยาปรับการระบายน้ำ มาอยู่ที่อัตรา 2,200 ลบ.ม./วินาที ตั้งแต่เวลา 16.00 น. วันนี้ (6 ต.ค.67) และยังคงการระบายน้ำที่อัตราดังกล่าว โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ได้แก่ คลองโผงเผง คลองบางบาล แม่น้ำน้อย และพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกันน้ำบริเวณ จ.ชัยนาท อ.สรรพยา และวัดสิงห์ (ตำบลโพนางดำตก) , อ.เมืองสิงห์บุรี พรหมบุรี และอินทร์บุรี (วัดสิงห์ วัดเสือข้าม) จ.สิงห์บุรี , อ.ป่าโมกและไชโย (วัดไชโย) จ.อ่างทอง , อ.พระนครศรีอยุธยา บางบาล ผักไห่ (ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง) และเสนา (ตำบลหัวเวียง) จ.พระนครศรีอยุธยา , อ.เมืองปทุมธานีและสามโคก จ.ปทุมธานี , อ.ปากเกร็ด (ตำบลท่าอิฐ) อ.เมืองนนทบุรี (ต.ไทรม้าและบางไผ่) จ.นนทบุรี ให้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพร้อม ให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง