สังคม

เจ้าของรถบัส ยันพร้อมเยียวยาเหตุไฟไหม้ ปัดตอบปมติดตั้งก๊าซ 11 ถัง เกินจากที่จดทะเบียน

โดย panwilai_c

2 ต.ค. 2567

126 views

กรมการขนส่งทางบก สั่งย้ายหัวหน้าฝ่าย และนายช่างตรวจสภาพรถชำนาญงาน สำนักงานขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีมีชื่อเป็นผู้ตรวจ สภาพรถบัส คันที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ซึ่งพบพิรุธว่า มีการขออนุญาตติดตั้งก๊าซ NGV จำนวน 6 ถัง แต่ในรถคันที่เกิดเหตุ พบถังก๊าซถึง 11 ถัง ขณะที่คนขับรถถูกนำตัวส่งศาล จังหวัดธัญบุรี พร้อมถูกแจ้งข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าของรถยังไม่ขอตอบข้อเท็จจริงเรื่องจำนวนถังก๊าซ ที่ไม่ตรงกับใบอนุญาต



นายทรงวิทย์ ชินบุตร เจ้าของบริษัทรถทัวร์ นำเที่ยวชินบุตรทัวร์ ถูกนำตัวไปสอบปากคำที่ห้องศูนย์ปฎิบัติการ สภ.คูคต จังหวัดปทุมธานี ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นนายทรงวิทย์ พร้อมทนายความและครอบครัว ให้สัมภาษณ์ว่าเขาพร้อมจะเยียวยา แต่ขอไม่ตอบเรื่องจำนวนถังก๊าซ NGV ที่พบในรถบัสคันที่เกิดเหตุ



ขณะที่นายสมาน จันทร์บุตร อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถบัส ที่เข้ามอบตัวกับตำรวจภูธรวิเศษไชยชาญ จังหวัดอ่างทอง และถูกส่งตัวมาที่ดำเนินคดี สภ.คูคต จังหวัดปทุมธานี นั้นขณะนี้พนักงานสอบสวนนำตัวส่ง ฝากขังศาลจังหวัดธัญบุรีแล้ว โดยศาลจังหวัดธัญบุรีไม่อนุญาตให้ประกันตัว



พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าเบื้องต้น พนักงานสอบสวนตั้งข้อหานายสมานทั้งหมด 4 ข้อหา



คือ "ขับรถโดยประมาท หรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล แล้วไม่หยุดรถ ให้การช่วยเหลือ ไม่แสดงตัวและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย" ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43(4), 78, 157, 160 วรรคสอง



พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ นายสมาน อ้างว่า ได้ยินเสียงลูกสูบของรถดัง แต่ไม่ได้จอดดู และขับรถต่อ จนรถเสียหลักดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า คนขับรู้อยู่แล้วว่ารถมีปัญหา แต่ไม่หยุดรถ อพยพผู้โดยสาร และ ตรวจสอบสภาพรถ จึงแสดงให้เห็นถึงความประมาท เลินเล่อที่ก่อให้เกิดความสูญญเสียร้ายแรง



สำหรับสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ยังต้องการความชัดเจนจากการตรวจพิสูจน์หลักฐานจากผู้เชี่ยวชาญก่อน แต่เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุได้ว่า เกิดจากอุปกรณ์ส่วนควบบกพร่อง จนเกิดประกายไฟ จนเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้ก่อน



ส่วนการตรวจรถบัสคันเกิดเหตุ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ดำเนินการตรวจสภาพรถเรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่ม เช่น รอยล้อรถ และพยานหลักฐานอื่นอีกหลายอย่าง เพื่อประกอบในสำนวน โดยเฉพาะ GPS ของรถคันดังกล่าว



ล่าสุด นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่ากรมการขนส่งทางบก ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องการตรวจสภาพรถบัสคันนี้ ซึ่งมีประวัติ การตรวจที่สำนักางนขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี จึงให้ข้าราชการ 2 ราย ตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย (นายช่างตรวจสภาพรถชำนาญงาน) และนายช่างตรวจสภาพรถชำนาญงาน ฝ่ายตรวจ สภาพรถ สำนักงานขนส่งจังหวัดสิงห์บุรี ไปช่วยราชการ ที่ กรมการขนส่งทางบก เพื่อให้การสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากพบการกระทำความผิด กรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการทางวินัยขั้นสูงสุด



นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการตามข้อสังการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 5 มาตรการ ซึ่งเป็นข้อสั่งการล่าสุดหลังเกิดกรณีดังกล่าวคือ



1. เรียกรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง ที่ใช้เชื้อเพลิง CNG ทั้งหมดจำนวน 13,426 คัน ซึ่งเป็น ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 กลับเข้ารับการตรวจสภาพรถภายใน 60 วัน



2. ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทาง หรือรถ 30 (สาม-ศูนย์) ทั้งระบบ ทั้งการประกอบการ การตรวจสภาพ การให้บริการ



3. มอบหมายกรมการขนส่งทาง บกบูรณาการร่วมกับกระทรวงศึกษา สถานศึกษาทั่วประเทศ และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในกรณีมีความจำเป็น ต้องใช้รถเช่าเหมา หรือรถโดยสารไม่ประจำทาง เพื่อนำนักเรียนหรือผู้สูงอายุ ไปทัศนศึกษาหรือเดินทางนอกพื้นที่ ขอให้สถานศึกษาและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องประสาน สำนักงานขนส่งจังหวัด เพื่อนำรถไปตรวจสอบความปลอดภัยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง



4. ออกกฎหมายให้มีพนักงานประจำรถ เช่นเดียวกับรถโดยสารประจำทาง โดยพนักงานและผู้ประจำรถต้องได้รับการอบรมและผ่านการทดสอบ หลักสูตรการเผชิญ เหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสาร หรือ Crisis Management



5. ออกกฎหมายระเบียบเพื่อให้ผู้ประกอบการต้องแนะนำข้อมูลและแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการ เช่นเดียวกับสายการบิน

คุณอาจสนใจ

Related News