เปิดปฏิบัติการตัดวงจร แก๊งฉ้อโกงบัตรเครดิตข้ามชาติ เสียหายกว่า 500 ล้าน พบชาวจีนร่วมนายหน้าชาวไทยเปิดบริษัท

ชาวจีนยังเข้ามาใช้ไทยเป็นทั้งแหล่งฟอกเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการก่อคดีทางออนไลน์ โดยล่าสุดได้ก่อคดีฉ้อโกงรูดบัตรเครดิตของผู้เสียหายนับพันใบ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งตำรวจสอบสวนกลางจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนได้ 2 ราย โดยมีชาวไทยเป็นนายหน้าเปิดบริษัทเพื่อร่วมกระทำผิด และร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งพบว่าเป็นบริษัทที่ไม่ได้มีการประกอบกิจการจริง



ตำรวจสอบสวนกลางโดยตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจหรือ ปอศ.นำหมายจับไปยังPenthouse หรู ย่านลุมพินี เพื่อจับกุมนายยูฮุย อายุ 31 ปี สัญชาติจีน ซึ่งได้เช่าPenthouse เดือนละแสน แต่นายยูฮุย หลบหนีออกไปก่อน



นายยูฮุย เป็นหนึ่งในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในรูปแบบฉ้อโกงบัตรเครดิตปฏิบัติการตัดวงจรแก๊งฉ้อโกง บัตรเครดิตข้ามชาติ ของตำรวจปอศ. จึงได้สะกดรอยติดตามพบว่าหนีไปกบดานที่พูลวิลล่าหรูในเมืองพัทยา ร่วมกับพรรคพวก



ปฏิบัติการครั้งนี้ยังได้จับ นายซินชิน อายุ 35ปี จีนสัญชาติมาเลเซีย ซึ่งอาศัยอยู่ในไทย แฟนคือนส.ณัฐณิชา อายุ 35 ปี ที่บ้านหลังหนึ่งย่านสะพานสูง กรุงเทพฯ พร้อมกับ ตรวจยึดรถหรู สีทอง ซึ่งผู้ต้องหาชาวจีนมาเลเซียซื้อให้แฟน คาดเป็นเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกง และนำไปซื้อรถ



ขบวนการนี้ยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาชาวจีนและจีนมาเลเซีย ร่วมกับนายสงกรานต์ ซึ่งทำหน้าที่นายหน้า ในการจัดหาเครื่องรูดบัตรเครดิต โดยเปิดร้านค้า เพื่อให้ผู้ต้องหาชาวจีนรูดสินค้า โดยไม่มีการซื้อขายสินค้าจริง โดยพบบัตรเครดิตกว่า 1000 ใบ ทำธุรกรรมกว่า1200 ครั้ง โดยผู้ถือบัตรไม่ได้เป็นผู้ใช้



ขบวนการนี้ยังมีระบบการฟอกเงิน โดยให้ นส.สุนิสา ไปเปิดเป็นห้างหุ้นส่วน ชื่อบริษัท YB โดยอ้างว่าเป็นบริษัทขนส่งสินค้าและขายปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ตั้งอยู่ที่จ.ระยอง แต่เมื่อตำรวจไปตรวจค้น พบว่าไม่มีการเปิดเป็นร้านขายปุ๋ยหรือขนส่งสินค้าใด เป็นของของนส.สุนิสา เอง เปิดบริษัท เพื่อรับฟอกเงินให้กับคนร้ายแก๊งนี้ โดยมีเงินหมุนเวียนโอนเข้ามาร่วม 500 ล้านบาท ทั้งทีไม่ได้ประกอบกิจการใด



จึงเชื่อว่าขบวนการนี้ มีส่วนพัวพันการฟอกเงินให้กับชาวจีน ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตำรวจ ได้ยึดทรัพย์สินได้เป็นรถยนต์จำนวนหลายคัน



ร่วมทั้งเครื่องรูดบัตรจำนวนมาก กำลังขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการที่อยู่ชายแดนว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มใด