จ.หนองคาย น้ำท่วมแล้ว 6 อำเภอริมน้ำโขง ทำเศรษฐกิจเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

สถานการณ์น้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่จังหวัดหนองคายยังคงขยายไปในวงกว้าง ล่าสุดน้ำท่วมแล้ว 6 อำเภอริมแม่น้ำโขง ตั้งแต่ตอนเหนือของแม่น้ำโขง อ.สังคม, อ.ศรีเชียงใหม่, อ.ท่าบ่อ , อ.เมืองหนองคาย, อ.โพนพิสัย และ อ.รัตนวาปี โดย นางดวงใจ สุขเกษมสิน รองประธานหอการค้าจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะเตรียมขนย้ายสิ่งของออกจากพื้นที่เสี่ยงได้ทัน แต่ยังเศรษฐกิจได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในตัวเมืองหนองคาย เสียหายไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท หากรวมพื้นที่ต่างอำเภอได้รับผลกระทบแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท


ขณะที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคายเขต 1 (สพป.นค.1) แจ้งว่า มีโรงเรียนในสังกัด 3 อำเภอ สั่งปิดการเรียนการสอนชั่วคราวจากสถานการณ์น้ำท่วมทั้งหมด 20 แห่ง ใน อ.สังคม 7 แห่ง , อ.ศรีเชียงใหม่ 8 แห่ง และอ.เมืองหนองคายอีก 5 แห่ง โดยได้กำชับให้ครูดูแลนักเรียน เร่งสำรวจความเสียหาย เยียวยา และจัดหาถุงยังชีพ 200 ชุด ไปมอบให้กับครูและนักเรียนที่ประสบอุทกภัย


ส่วน ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดบึงกาฬ ได้ไหลทะลักเข้าลำห้วยอาฮง ที่เป็นลำน้ำสาขา ลงสู่หนองอาฮง หนองหมากจับ และหนองเมือก ก่อนจะรวมกันกลาย เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ รองรับน้ำโขง คลอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล คือ ตำบลหอคำ ตำบลไคสี และตำบลโนนสว่าง อ.เมืองบึงกาฬ ทำให้ปริมาณน้ำจำนวนมากเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ไม่ต่ำกว่า 3,000 ไร่


ด้านนายธีระพล ขุนพานเพลิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ สั่งการให้อาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอเมือง นำเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเข้าขยับหม้อมิเตอร์ไฟฟ้า ที่ล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงถูกน้ำท่วม ให้สูงขึ้น รวมขนย้ายสัตว์เลี้ยง ทั้ง แพะ หมู วัว ขึ้นไปเลี้ยงในที่ปลอดภัย


ขณะเดียวกัน ระดับน้ำโขงที่สถานีวัดระดับน้ำบ้านหนองแสง จังหวัดนครพนม เมื่อเช้านี้เพิ่มสูงถึง 11 เมตร 65 เซนติเมตรใกล้แตะจุดวิกฤติ ทำให้ลำน้ำสาขา เช่น ลำน้ำสงคราม ลำน้ำอูน ล้นตลิ่งเอ่อท่วมหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยใกล้ลำน้ำ ส่งผลกระทบพื้นที่การเกษตร ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ บ่อเลี้ยงปลา ในพื้นที่อำเภอบ้านแพง อำเภอท่าอุเทน อำเภอศรีสงคราม อำเภอนาหว้า รวมกว่า 70,000 ไร่ รวมถึงท่วมเส้นทางกลับรถใต้สะพานหลายแห่ง เจ้าหน้าที่ต้องสั่งห้ามรถทุกชนิดผ่าน พร้อมเตรียมช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง


ขณะที่ ปภ.รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย สุโขทัย พิษณุโลก หนองคาย อุดรธานี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา รวม 31 อำเภอ 155 ตำบล 693 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 28,746 ครัวเรือน เร่งระดมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าพื้นที่ประสบภัย ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน