ศิษย์เก่ายื่นหนังสือคัดค้านยุบ 'บ้านกาญจนาภิเษก' ร้องทบทวน ห่วงเสียโอกาสคืนเยาวชนสู่สังคม

ศิษย์เก่าบ้านกาญจนาภิเษก เกรงจะถูกยุบ หลังถูกตัดงบประมาณ รวมตัวกันไปร้องเรียนรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม เนื่องจากเห็นว่าบ้านกาญจนภิเษกทำให้เด็กกลับตัวเป็นคนดี ไม่ทำผิดซ้ำ มากกว่า90 เปอร์เซนต์ ส่วนตำแหน่งผู้อำนวยการบ้านกาญจนา อยู่ระหว่างประเมินผลงาน โดยไม่เกี่ยวกับการออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเมืองของผู้อำนวยการในช่วงที่ผ่านมา



ตัวแทนอดีตเยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก ในฐานะกลุ่มผู้ถูกเจียระไน ย้อนอดีตในช่วงเยาวชนให้ฟังว่าเคยเสพยา ก่อคดีรุนแรง ปล้นจี้ ทำร้ายร่างกายเข้า-ออกสถานพินิจเป็นประจำ และเคยก่อคดีทำร้ายชิงทรัพย์นายบรูซ แกสตัน นักดนตรีในปี 2554 จนถูกส่งไปบ้านกาญจนภิเษก และได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้สำเร็จ ไม่เคยหวนกลับไปทำผิดอีก เช่นเดียวกับเยาวชนอีกหลายคน ที่ยอมรับความผิดพลาดเคยก่อคดีอุกฉกรรจ์ แต่ได้รับการฝึกอบรมจากบ้านกาญจนาภิเษก กลับมาประกอบอาชีพสุจริตไม่ก่อปัญหาให้สังคมอีก



วันนี้อดีตเยาวชนบ้านกาญจนาฯรวมตัวกันมายื่นข้อเรียกร้อง ถึง พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อแสดงจุดยืนและข้อเสนอ ต่อการ ให้ยุติบทบาทผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเยาวชนชายบ้านกาญจนา หลังกองทรัพยากรบุคคลกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มีการตัดงบประมาณในปี 2568 ในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเด็กและเยาวชนออก ส่งผลให้นางทิชา ณ นคร ต้องยุติการทำหน้าที่ของผู้อำนวยการ และขอให้อธิบดีกรมพินิจฯ สนับสนุนแนวทางการดูแลเด็ก และเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก เนื่องจาก มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าสามารถ ทำให้เด็กกลับใจไม่กระทำผิดซ้ำอีกสูงถึง 90-95 % และขอให้ชี้แจงความชัดเจนว่าระบบ กระบวนการต่างๆของบ้านกาญจนา ที่สามารถเปลี่ยนแปลงเด็กและเยาวชน ที่ทำผิดได้จริงจะยังคงอยู่อย่างมีหลักประกัน



ด้าน พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า สถานที่ฝึกอบรมและศูนย์ฝึก สำหรับเด็กและเยาวชนในรูปแบบบ้านกาญจนาภิเษกจะยังคงมีอยู่ และตราบใดที่ยังไม่มีการแก้กฎหมาย แต่ในส่วนการดำเนินการ ตั้งหรือล้มเลิกฯศูนย์ฝึกหลังจากนี้ จะต้องออกเป็นกฎกระทรวง ซึ่งทราบว่ากรมพินิจและคุ้มครองเด็กได้เสนอกฎกระทรวง ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว อยู่ในระหว่างการรับฟังความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาและสร้างคนที่มีคุณภาพออกสู่สังคมได้จริง แต่เนื่องจากเป็นระบบราชการ มีกรอบงบประมาณและการประเมินงาน ซึ่งตำแหน่งของนางทิชา เป็นพนักงานราชการ จะมีสัญญาจ้าง และเกณฑ์การประเมิน จะไม่มีอคติใดๆ



ขณะที่ตัวแทนของกองทรัพยากรบุคคลกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า ตามหลักการแล้วพนักงานราชการจะมีกรอบสัญญา 4 ปี ซึ่งเมื่อหมดสัญญาจะมีการ จัดสรรกรอบใหม่ ซึ่งจะต้องมีการประเมินผลการทำงาน ตามหลักเกณฑ์ของก.พ.ร. และตำแหน่งของนางทิชา ถูกเสนออยู่ในกรอบพนักงานราชการรอบที่ 6 ซึ่งเป็นรอบต่อไปที่จะได้รับการจัดสรร