สั่งโรงงานหลอมยางรถในขอนแก่น เร่งแก้ปัญหากลิ่นเหม็น-ฝุ่น-น้ำปนเปื้อน ให้เสร็จใน 90 วัน

ตัวแทนชาวบ้านตำบลโคกสูง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ร้องเรียนให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบบริษัทไบโอเทค อินดัสทรีส์ จำกัด ซึ่งทำกิจการนำยางรถยนต์เก่ามารีไซเคิล ได้น้ำมันเชื้อเพลิง เหล็ก และคาร์บอนจากยางรถยนต์เก่า แต่ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็น และความกังวลใจเรื่องน้ำปนเปื้อนที่ไหลออกนอกโรงงาน



ขณะอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม สั่งหยุดประกอบกิจการชั่วคราวและให้เร่งแก้ไขปรับปรุงการจัดการกลิ่น และฝุ่นผงในโรงงานให้แล้วเสร็จ และให้ตรวจสอบซ้ำอีก ก่อนจะขออนุญาตกลับมาประกอบกิจการใหม่ได้



ตัวแทนชาวตำบลโคกสูง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ยื่นหนังสือถึงถึงอธิบดีและรองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อร้องเรียนว่าชาวบ้านที่นี่ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็น/ผงฝุ่น และน้ำปนเปื้อนจากโรงงาน ไหลลงสู่พื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน จึงเรียกร้องให้ปิดหรือย้ายโรงงานออกไป พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าขั้นตอนการประชาพิจารณ์ก่อนได้รับอนุญาตโรงงานนั้นมีความผิดปกติ



อธิบดีกรมโรงงานชี้แจงว่า จะตรวจสอบเรื่องการทำประชาพิจารณ์ว่าครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งจะชี้แจงและรายงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติด้วย ขณะเดียวก็เข้าตรวจโรงงานนี้ ซึ่งโรงงานอนุญาตให้ตัวแทนชาวบ้านเข้าร่วมตรวจสอบด้วย



โรงงานนี้เป็นของบริษัทไบโอเทค อินดัสทรีส์ จำกัด มีนักธุรกิจชาวจีนชื่อนายลีคัวหยวน เลโอเนล เป็นกรรมการผู้จัดการ ที่นี่ได้รับใบอนุญาต ร.ง 4. เมื่อปี 2565 เป็นโรงงานประเภท 106 รีไซเคิล ยางรถยนนต์เก่า ด้วยการหลอมจากความร้อน ซึ่งจะได้ผลิตภภัณฑ์อื่นตามมา คือน้ำมันเชื้อเพลิง เศษเหล็กที่อยู่ในยางรถยนต์ และคาร์บอน หรือผงคาร์บอน แบลค จากเศษเนื้อยางรถยนต์ โดยเริ่มประกอบกิจการเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ปีนี้



อย่างไรก็ตาม หลังประกอบกิจการได้ไม่นานชาวบ้านร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบจากกลิ่น ทำให้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการตรวจสอบร่วมกัน ซึ่งการตรวจสอบขณะนั้นพบยางรถยนต์กองอยู่นอกอาคาร ผงฝุ่นจากการผลิตที่กระจัดกระจายในอาคารโรงงาน และบ่อเก็บน้ำฝนในโรงงานที่สุ่มเสี่ยงจะรั่วซึ่ม อุตสาหกรรมจังหวัด จึงออกคำสั่งตามมาตรา 37 ของพรบ.โรงงานให้ปรับปรุงแก้ไขในประเด็นดังกล่าว กระทั่ง ครบกำหนดเมื่อวานนี้



การมาตรวจสอบวันนี้ จึงมาติดตามว่าโรงงานแก้ไขตามที่คำสั่งดังกล่าวหรือไม่ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมระบุว่ามีหลายประเด็นที่แก้ไขไม่แล้วเสร็จ เช่นยางรถยนต์ที่เป็นวัตถุดิบยังกองอยู่กลางลานโล่ง ซึ่งเงื่อนไขอนุญาตคือวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ต้องอยู่ในอาคาร กระบวนการจัดการฝุ่นที่เกิดจากการหลอม หรือคาร์บอนแบค ที่ยังไม่เรียบร้อยและ ระบบบำบัดกลิ่นที่เกิดจากการอบหรือหลอม ยังไม่สมบูรณ์ เป็นระบบป้องกันกลิ่นไม่ได้ จึงต้องปรับปรุง



บ่อน้ำในโรงงานเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ เนื่องจากโรงงานนี้แจ้งว่าไม่มีน้ำเสียจากกระบวนการผลิต มีเพียงน้ำที่เหลือระดับฟอกอากาศ และน้ำฝนตามธรรมชาติ ซึ่งอุตสาหกรรมจังหวัดสั่งให้เทซีเมนต์ในบ่อดิน เพื่อรวบรวมน้ำฝนที่อาจปนเปื้อนฝุ่นผง แล้วบำบัด ก่อนปล่อยออกสู่ธรรมชาติ ซึ่งโรงงานอ้างว่าระบุว่าอยู่ระหว่างออกแบบ



ระบบรวมน้ำ ฝนในโรงงาน เป็นหนึ่งในประเด็นที่มูลนิธิบูรณะนิเวศและชาวบ้านกังวล เพราะสังเกตุว่าไม่มีระบบรวบรวมน้ำฝนในโรงงานที่ชะล้างฝุ่นผงให้ไปรวบรวมในที่เดียวเพื่อบำบัด และหากระบบนี้ไม่แล้วมีก็จะทำให้น้ำฝนชะล้างฝุ่นผงลงสู่พื้นที่เกษตกรรมที่อยู่รอบโรงงานทั้งหมดได้



ล่าสุดอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ยืนยันว่าออกคำสั่งตามมาตรา 39 วรรค 1 ให้โรงงานปรับปรุงแก้ไขตามประเด็นที่บันทึการตรวจสอบ ให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ระหว่างนี้ให้หยุดประกอบกิจการชั่วคราว เมื่อแล้วเสร็จและผ่านการตรวจ จึงจะเดินหน้ากิจการต่อไปได้