สังคม
ก้าวไกล แถลงปิดคดียุบพรรค ย้ำคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย เชื่อมั่นจะได้รับความเป็นธรรม
2 ส.ค. 2567
17 views
พรรคก้าวไกล แถลงปิดคดียุบพรรคก้าวไกล ยก 9 ข้อต่อสู้ ยืนยันว่าศาลรัฐธรรนูญไม่ควรยุบพรรคก้าวไกล ทั้งกรณี กกต.ยื่นยุบพรรคไม่ชอบด้วยกฎหมาย ปิดโอกาสให้ชี้แจง และไม่อยู่ในอำนาจศาล เชื่อมั่นว่า จะได้รับความเป็นธรรม รวมถึงการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค
นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงปิดคดียุบพรรคก้าวไกล ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ นายชัยธวัช เปิดเผยข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล 9 ข้อ ที่ย้ำว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการรับคำร้องคดีนี้ไว้วินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ไม่มีมาตราใดที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองไว้อย่างชัดแจ้ง และกฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้ไปเพิ่มขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ นอกเหนือจากที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
การยื่นคำร้องคดีนี้ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.มิชอบด้วยกฎหมาย คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ไม่มีผลผูกพันในการพิจารณาวินิจฉัยในคดีนี้ ข้ออ้างที่ กกต. กล่าวหาว่าล้มล้างการปกครอง หรือมีการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองนั้น ถือเป็นข้อกล่าวหาใหม่ที่ศาลไม่เคยวินิจฉัยมาก่อน การนำผลคำวินิจฉัยในคดีก่อนมาปิดปากวินิจฉัยคดีนี้ จะต้องมีมาตรฐานที่เข้มข้นกว่าหรือระดับเดียวกัน
นอกจากการเสนอนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้วการกระทำอื่น ๆ ตามคำร้อง มิได้เป็นการกระทำของพรรคก้าวไกล เนื่องจากไม่ได้เป็นมติของคณะกรรมการบริหารพรรค รวมถึงกรณีที่ สส.เป็นนายประกันของผู้ถูกกล่าวหาในคดี 112 หรือการแสดงออกส่วนตัว พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นผู้สั่งการหรือบงการ ทั้งหมดไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครองที่เป็นการเสนอโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ
นายชัยธวัช ย้ำว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรยุบพรรคก้าวไกล แม้ระบอบประชาธิปไตยบางประเทศจะสามารถยุบพรรคการเมืองได้ แต่ต้องพึงพิจารณาอย่างเคร่งครัดระมัดระวัง
นายชัยธวัช กล่าวว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งยุบพรรค ก็ไม่มีอำนาจกำหนดระยะเวลาการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค และระยะเวลาเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของคนผู้เป็นกรรมการบริหารพรรค ไม่ควรเกิน 5 ปี ไม่ใช่ 10 ปีตามที่ กกต. ร้องขอ และการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ต้องเพิกถอนเฉพาะกรรมการบริหารที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเท่านั้น โดยไม่รวมชุดที่ดำรงตำแหน่งในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีนี้
ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันข้อต่อสู้ของพรรคก้าวไกล ต้องการแสดงให้เห็นเส้นแบ่งการยุบพรรคการเมือง ที่พบว่า จากจำนวนพรรคที่ถูกยุบตั้งแต่ปี 2549 จำนวน 33 พรรค มีนักการเมือง 249 คนเป็นอย่างน้อย ที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีพรรคเดียวที่รอด และยกคำร้องเมื่อปี 2553 เป็น 1 ใน 34 พรรค ซึ่งที่รอดไม่ถูกยุบและยุบคำร้อง เพราะกระบวนยื่นคำร้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายทะเบียนไม่ได้ให้ความเห็นกับ กกต. และนายพิธา ได้ขอบคุณ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ที่ได้นำแนวทางการยุบพรรคของคณะกรรมการเวนิส มายื่นเป็นพยานต่อศาลว่าควรเป็นแนวปฏิบัติ ที่ประเทศสมาชิกที่มีศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมกันให้ความเห็นมาแล้ว จึงมั่นใจว่า พรรคก้าวไกลจะไม่ถูกยุบ
นายพิธา ยังย้ำถึงเจตนาของพรรคก้าวไกล ในการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อรักษาดุลยภาพในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา การนำประเด็นจงรักภักดี มากล่าวหาโจมตีทางการเมือง นำไปสนับสนุนหรือเกี่ยวพันโดยรัฐประหาร ทั้งโดยกำลังทหารและโดยกฏหมาย หรือแสดงความจงรักภักดีอย่างล้นเกินอำพราง เพื่อแสวงหาผลประโยชน์อย่างฉ้อฉลของคนบางกลุ่ม
นายพิธา ยืนยันว่า สส.พรรคก้าวไกล ยังไม่คิดเรื่องการตั้งพรรคใหม่ หรือย้ายพรรค เพราะอยากรอฟังคำวินิจฉัย ซึ่งทุกคนยังทำหน้าที่ตามปกติ