CPF ยินดีร่วมมือตรวจสอบข้อเท็จจริง จ่อดำเนินคดีเด็ดขาด ใช้ภาพเท็จโจมตี 'ปลาหมอคางดำ'

ปัญหาปลาหมอคางดำ วันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติงบประมาณ 450 ล้านบาทเพื่อแก้ปัญหา ให้จบภายในปี2570 ขณะที่บริษัท CPF ได้ออกมาชี้เเจง เเละยืนยันว่า บริษัทยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสอบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปลาหมอคางดำ บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงอย่างสุจริต พร้อมเเถลงตอบโต้ กรณีใช้รูปภาพและข้อมูลประกอบการสื่อสารบนเวทีสาธารณะ ซึ่ง CPF บอกว่าเป็นข้อมูลเท็จ เตรียมดำเนินคดีกับผู้ที่ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย


นางกอบบุญ ศรีชัย ผู้บริหารสูงสุด สายงานกิจการองค์กร ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาและในวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 มีการใช้รูปภาพและข้อมูลประกอบการสื่อสาร บนเวทีสาธารณะที่เป็นเท็จ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท โดยมีตัวอย่างภาพเท็จและข้อมูลเท็จบางส่วน ใช้ประกอบการเเถลงครั้งนี้ CPF ระบุว่า ภาพแรกเป็นภาพที่สร้างความเข้าใจผิดและก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก โดยกล่าวอ้างว่าเป็นสภาพบ่อดินของฟาร์มยี่สาร ซึ่งใช้เพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำ ปี 2554 ถึง ปี 2557 และกล่าวอ้างว่า "เลี้ยงต่อเนื่องที่ฟาร์มยี่สารตั้งแต่ 2553 ถึง 2560" ทางบริษัทขอชี้แจงว่า "เป็นการใช้ภาพและข้อมูลเท็จ" เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ฟาร์มยี่สาร และหลังจากการตัดสินใจไม่เริ่มดำเนินโครงการและยุติการวิจัยเมื่อต้นเดือนมกราคม 2554 และได้ทำลายลูกปลาทั้งหมดแล้ว บริษัทไม่มีกิจกรรมใดๆ เกี่ยวกับปลานี้อีกเลย เพราะฉะนั้นการกล่าวอ้างว่ามีการเลี้ยงต่อเนื่องถึงปี 2560 จึงเป็นข้อมูลเท็จเสมือนการโกหกที่สร้างความเข้าใจผิดเชิงลบในสังคมต่อองค์กร


ภาพที่สอง เป็นภาพที่กล่าวอ้างว่าเป็นการคัดเลือกไข่ปลาหมอคางดำ เพื่อนำไปขยายพันธุ์/ผสมพันธุ์แล้วนำไปอนุบาลในกระชังในฟาร์มยี่สาร ความเป็นจริงแล้วสถานที่นี้ไม่ใช่ฟาร์มยี่สาร และกิจกรรมดังปรากฎในภาพนี้ ก็ไม่ใช่กระบวนการคัดเลือกไข่ปลาตามวิธีปฏิบัติของบริษัท


สำหรับภาพสุดท้ายเป็นภาพถ่ายทางอากาศของบริเวณฟาร์ม โดยมีการระบุผังของฟาร์ม ซึ่งมีข้อความอันเป็นเท็จ คือ กรอบสีแดง ไม่ใช่บ่อเลี้ยงปลาตามที่กล่าวอ้าง เเต่ข้อเท็จจริงคือเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง ขณะที่กรอบสีเหลืองที่ระบุว่าเป็นบ่อผสมพันธุ์ปลา และบ่ออนุบาลปลาตามที่กล่าวอ้างนั้น ความจริงคือเป็นบ่อปรับปรุงพันธุ์ปลานิล ปลาทับทิม และปลาทะเล


นอกจากรูปภาพที่บิดเบือนบางส่วนที่นำมาแสดงในวันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อความบิดเบือนอื่นๆ เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินการทางกฏหมายต่อไป โดยผู้ที่ให้รูปและข้อมูลที่เป็นเท็จบิดเบือนข้อเท็จจริง ควรต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ร่วมกับผู้ที่ใช้ข้อมูลและรูปภาพดังกล่าวในการสื่อสารในเวทีสาธารณะต่างๆด้วย


บริษัทเห็นว่า ควรมีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางสังคมเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เพราะมีหลายบริษัทที่ซีพีเอฟไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กลับมีกิจกรรมค้าขายปลาชนิดนี้ในช่วงที่ผ่านมา จึงขอให้สังคมให้ความเป็นธรรมและควรมีการสอบหาเหตุอื่นๆเพิ่มเติมด้วย เพื่อนำข้อเท็จจริงมาร่วมกันพิจารณาหาแนวทางร่วมมือแก้ไขปัญหา ตลอดจนหาแนวทางป้องกันการแพร่กระจายในระยะยาว


หลังการเเถลงของ CPF เพจ BIOTHAI ซึ่งเป็นเเกนนำที่นำภาพเเละข้อมูลที่อ้างว่า ได้จากพยานที่เคยทำงานในฟาร์มยี่สารมาเปิดเผยในเวทีเสวนา ก็เคลื่อนไหวทันที


โดยมองว่า เป็นความพยายามฟ้องเพื่อปิดปาก เเต่ก็มองว่าเป็นเรื่องดี ที่สังคมจะได้เห็นว่าใครสร้างข้อมูลเท็จปกปิดความจริงที่ฟาร์มยี่สาร / จากนั้นก็ตามมาอีกหนึ่งโพสต์ ระบุข้อความว่า "เเหกกฏสร้างหลักฐานเท็จ โยนผิดให้ข้าราชการ กลุ่มปลาสวยงาม เป็นศูนย์กลางการระบาด นิเวศพัง ยังกล้าจะฟ้องไบโอไทย"


ล่าสุดนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุมครม. มีการพูดถึงเรื่องการแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องนี้เป็นความเดือดร้อนของประชาชนจริงๆ จึงถือเป็นภารกิจที่รัฐบาลปฏิเสธไม่ได้ และต้องเอาใจใส่ มีความจริงใจกับการแก้ไขปัญหา ใน 7 มาตรการ ตามที่มีการเสนอแนะมาจากผู้เกี่ยวข้อง โดยใช้งบประมาณ 450 ล้านบาท แก้ปัญหาปลาหมอคางดำให้จบ ภายในปี 2570