ชาวบ้านใช้วิธีกำจัด 'ปลาหมอคางดำ' จับส่งขายเพื่อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน

ปัญหาของปลาหมอคางคำที่ยังแพร่ระบาดอยู่หลายพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาค แม้ขณะนี้รัฐบาล มีนโยบายให้เร่งกำจัดปลาหมอคางดำ เพราะเป็นตัวการทำลายระบบนิเวศทางธรรมชาติของสัตว์น้ำแล้ว แต่ก็ยังกระทบต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เป็นอาชีพของเกษตรกรหลายพื้นที่ การล่ากำจัด จับปลาหมอคางคำไปแปรรูป จึงเป็นทางเลือกหนึ่งของชาวบ้าน


ปลาหมดคางดำที่นำมาลงบริเวณแพปลาเหล่านี้ นายวัลลภ รอดพันธุ์ เจ้าของแพปลารับซื้อ ขาย ปลาหมอคางดำเปิดเผยข้อมูลกับทีมข่าวว่า ปัจจุบันหลังจากรัฐบาลได้ประกาศล่ากำจัดปลาหมอคางดำ ให้พื้นที่จังหวัดเพชรบุรีก็มีชาวบ้านนำปลามาขายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บางวันรับซื้อมากว่า 1,000 กิโลกรัม หรือมากกว่า 1 ตัน ปลาที่ได้มาก็จะถูกจับแยกไซส์ ขนาดของปลา ตัวเล็กๆก็ขายเป็น เหยื่อ ปู ส่วนปลาไซส์ใหญ่ขึ้นก็นำไปแปรรูปทำเป็นน้ำพริกปลา ทำเป็นปลาเกลือ หรือปลาแดดเดียว ซึ่งมีลูกค้าประจำคอยรับปลานำไปแปรรูปอยู่แล้ว


ไซส์ขนาดของปลาที่สามารถนำไปแปรรูปได้ก็จะอยู่ที่ 6-7 ตัวต่อ 1 กิโลกรับ


นายณรงค์ สิทธิรุ่ง กำนันตำบลบางตะบูนออก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ผู้ที่ทำผลิตภัณฑ์สินค้าโอทอป OTOP ประจำตำบลบางตะบูน ยอมรับว่าหลังจากนำปลาหมอคางดำ มาแปรรูปทำเป็นน้ำพริกแม่ต้นบุญขายในชุมชน และทางออนไลน์ ตอนก็มีลูกค้าประจำเพิ่มมากขั้นเรื่อยๆแล้ว


นายเอกสิทธิ์ เมืองนุช ผู้ประกอบกิจการเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลาแบบธรรมชาติ ยอมรับว่าตลอด 6 ปีที่ผ่านมา หลังจากมีปลาหมอคางดำแพร่ระบาดในพื้นที่ กิจการเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา รายได้ลดหายไปเป็นจำนวนมาก เปิดน้ำจับปลาแต่ละครั้งก็ได้แต่ปลาหมอคางดำซึ่งเป็นปลาที่มีมูลค่าต่ำมาก จับขายได้เพียงกิโลกรัม 5 บาทเอง.


ขณะที่ นายเมธี แสงสุริยา ผู้ประกอบกิจการเลี้ยงปลากระพง แบบบ่อปิดชนิดไม่ให้ปลา จากแหล่งน้ำธรรมชาติ เข้ามาได้บ่อของตนเองได้ และเลี้ยงปลากระพงนานกว่า 1 ปีแล้ว ภายในบ่อก็มีปลาหมอคางดำลอยตัวเต็มบ่อไปหมด จะเปิดน้ำจับปลากระพงขายก็กลัวขาดทุน ทั้งบ่อก็ไม่มีค่าเช่า แต่การลงทุนมีค่าใช้จ่ายสูง.


เมื่อจับก็ขาดทุน ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย นายเมธี จึงปล่อยทิ้งบ่อจำนวนกว่าพื้นที่กว่า 1 ร้อยไร่ให้ข้ามปีไป โดยให้ปลากระพงอยู่คู่กับปลาหมอคางดำ ภายในบ่อนี้ตามทฤษฏี ของนักวิชาการ เชื่อว่าปลากระพงจะกินปลาหมอคางดำเป็นอาหาร