อุตสาหกรรม จ.เพชรบุรี แจงการยื่นขอประทานบัตรเหมืองโดโลไมต์ อยู่ขั้นตอนเริ่มต้น ยังไม่ถึงขั้นอนุมัติ

ข่าว 3 มิติ ยังคงเกาะติดเรื่องเหมืองโดโลไมต์ ใกล้แหล่งมรดกโลกแก่งกระจาน หลังชาวบ้านร้องเรียนว่า มีเอกชนเข้าไปสำรวจเตรียมทำเหมือง ทีมข่าว 3 มิติ ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจพร้อมกับชาวบ้าน พบว่า อยู่ห่างจากแหล่งมรดกโลกเพียง 1 กิโลเมตรเศษ ทำให้ต่อมา ที่ปรึกษาคณะกรรมการมรดกโลกของไทย และเจ้าหน้าที่อุทยาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ลงไปสำรวจเพิ่มเติม กระทั่งวันนี้ อุตสาหกรรมเพชรบุรี ได้ชี้แจงเรื่องนี้ กับข่าว 3 มิติ ว่า การยื่นขอประทานบัตร อยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นเท่านั้น ยังต้องมีการพิจารณาอีกหลายขั้นตอน


นี่เป็นแผนที่ตามคำขอประทานบัตร แปลงที่1-3 /2550 ที่บ.โฮไทยฟง มายส์นิ่ง จำกัด เคยยื่นขอไปเมื่อปี2550


แปลงแรก ครอบคลุมพื้นที่ภูเขา ทั้งแนว เนื้อที่ 298 ไร่เศษ โดยมีแปลงที่ 2-3ซึ่งเป็นพื้นราบต่อเนื่องกันมา รวมทั้ง 3 แปลงเป็นเนื้อที่ 884ไร่ 3 งาน 99 ตรว. ทั้ง 3 แปลงนี้ มีการจัดทำขึ้นใหม่ โดยการรวมเป็นแปลงเดียวเพื่อทำรังวัดในการยื่นขอออกประทานบัตรใหม่ ตามเอกสารที่ปรากฏ เป็น 540 ไร่ 3 งาน 70 ตรว. ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามข้อกฏหมายที่จะอนุญาตให้ได้เพียง 500ไร่ เท่านั้น โดยมีการตัดพื้นที่ส่วนที่เป็นเขาถูกตัดออก จึงเป็นรูปแผนที่อย่างที่เห็น


สีม่วงที่เห็นนี้ คือ แผนที่แหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองตามประกาศของคณะกรรมแร่แห่งชาติ นายวิรัตน์ บางเสน นายช่างรังวัดชำราญงาน สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี ระบุว่า ตอนที่เดินทำแนวเขตรังวัดตามที่บริษัทเอกชนพาชี้ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าไผ่ และการอนุญาตใช้พื้นที่ตามที่เอกชนขอนั้น กรมป่าไม้ที่เป็นเจ้าของพื้นที่จะเป็นผู้กำหนดเองว่า พื้นที่ที่ขอประทานบัตรนั้นจะอนุญาตหรือไม่


ด้านนางอทิตา กลิ่นสุวรรณ อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี บอกว่า ขณะนี้การขอประทานบัตรเป็นเพียงขั้นตอนเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งยังมีอีกขั้นตอน แต่ท้ายที่สุดประชนในพื้นที่จะเป็นผู้ตัวสินใจว่า จะให้มีเหมืองหรือไม่


ตาม พรบ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ในมาตรา 18 ที่กำหนดให้อุทยานแห่งชาติ จัดทำแผนการจัดการ ซึ่งในรายละเอียดมีกำหนดเรื่องพื้นที่กันชนเอาไว้ด้วย การกำหนดพื้นที่กันชนนี้ มาจากหลักฐานและข้อมูลทางวิชาการในพื้นที่ ตามแนวทางที่ UNESCO แนะนำประเทศไทย โดยขณะนี้ ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการที่ปรึกษามรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน ซึ่งเห็นด้วยกับแผนที่นี้แล้ว