สังคม
UNICEF ร่วมกับภาคประชาสังคม ผลักดันสิทธิโครงการอุดหนุนเพื่อเด็กแรกเกิด
โดย parichat_p
9 มิ.ย. 2567
182 views
สิทธิในโครงการอุดหนุนเพื่อเด็กแรกเกิดเป็น 1 ในสิทธิที่หลายคนไม่เคยทราบมาก่อน จนทำให้พลาดเงินจำนวนนี้ไป แม้จะเป็นเงินในจำนวนไม่มากนักในหลักร้อยบาท แต่ก็มีความสำคัญกับบางครอบครัวที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ ซึ่งตอนนี้หลายครอบครัวประสบปัญหาการเข้าถึงสิทธิของโครงการนี้จากเงื่อนไขหลายข้อที่ไม่เอื้ออำนวย ล่าสุดองค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือ UNICEF ได้ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาสังคมผลักดันเรื่องนี้ให้กลายเป็นสิทธิถ้วนหน้า ให้กับทุกครอบครัวได้รับตั้งแต่แรกเกิด โดยคาดว่าเรื่องนี้จะมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติหลักเกณฑ์ดังกล่าวในสัปดาห์หน้านี้
ญาณิศา เดชสุข และลูก เป็น 1 ในครอบครัวที่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อเด็กแรกเกิดจำนวน 600 บาท เพื่อมาใช้จ่ายดูแลลูกวัยขวบเศษของเธอ โดยเธอยอมรับว่า หากไม่ได้รับคำแนะนำจากคนรู้จักที่เคยได้รับสิทธินี้ก็จะไม่ทราบมาก่อนเลยว่า มีเงินอุดหนุนจำนวนนี้ แม้กระทั่งคนที่แนะนำก็ได้สิทธินี้ในช่วง ปีสุดท้ายตามเกณฑ์อายุของลูกเธอ
ญาณิศา ระบุว่า ถึงเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินเพียงหลักร้อย แต่ก็สามารถมาใช้ดูแลลูกของเธอได้ เพราะเด็กแรกเกิดมีสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้หลายอย่าง ซึ่งสำคัญกว่าของใช้ประจำวันของเธอและสามี ที่แต่ละวันทั้งคู่ต้องออกไปทำงานรับจ้างและเก็บขยะขาย เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตครอบครัว
ครอบครัวของ ธีรนาฎ และ ลูกชายวัย 1 ขวบ เพิ่งทราบว่ามีสิทธินี้ และอยู่ระหว่างการขอรับสิทธิ โดยปัจจุบันเธอมีอาชีพขายของมือสอง ซึ่งสิ่งที่เธอกังวล คือ เงื่อนไขของรายได้รวมของเธอและสามี ที่ไม่แน่นอนในแต่ละเดือน และ เมื่อได้มาก็ต้องนำมาใช้จ่ายจุนเจอสมาชิกรวม 7 คนในครอบครัว นอกจากนี้ครอบครัวเธอก็เพิ่งย้ายเข้ามาในชุมชนจึงยังไม่รู้จักบุคคลใดที่เข้ามาช่วยรับรองสิทธิตรงนี้ได้
โครงการเงินอุดหนุนเพื่อเด็กแรกเกิด กำหนดมอบเงินอุดหนุนเดือนละ 600 บาท ให้กับเด็กแรกเกิดจนอายุครบ 6 ปี โดยปัจจุบันมีเงื่อนไขมอบให้ครอบครัว ที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคน หรือ ต่อครัวเรือนไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีเท่านั้น
ศีลดา รังสิกรรพุม ผู้จัดการมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์ เครือข่ายเพื่อเด็กในภาคประชาสังคมที่รวมผลักดันสิทธินี้ให้ถ้วนหน้า ระบุว่า ด้วยเงื่อนไขนี้ทำให้หลายครอบครัวกลายเป็นกลุ่มตกหล่น เนื่องจากเกือบทั้งหมดของครัวเรือนที่เข้าโครงการจะเป็นกลุ่มผู้เปราะบางทางสังคม ที่ประสบปัญหาครอบครัว มีอาชีพรับจ้างรายวัน หรือ ค้าขายรายย่อย ที่มีรายได้ต่อเดือนไม่แน่นอน แม้เครือข่ายจะร่วมกันผลักดันกลุ่มนี้เข้าสู่โครงการ แต่ก็มักติดปัญหาเรื่องรายได้ และ การตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ที่กินเวลานานหลายเดือน จนพวกเขาสูญเสียโอกาสในบางครั้ง
ข้อมูลของกรมการปกครองระหว่างปี 2561-2567 หรือ ช่วง 6 ปีที่ผ่านมา พบมีประชากรเด็กอายุไม่เกิน 6 ปีลดลงมากกว่า 1 ล้านคน จากกว่า 4 ล้าน 4 แสนคน เหลือประมาณ 3 ล้าน 3 แสนคน
ขณะที่โครงการเงินอุดหนุนเด็กครอบคลุมเด็กกลุ่มนี้ 2.3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 70 จึงเหลือเด็กอีกไม่มากนักที่สามารถเข้ารับถึงสิทธินี้อย่างถ้วนหน้าได้
ซึ่งทาง องค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติหรือ UNICEF มองว่าการปรับสิทธินี้ให้ครอบคลุมเด็กแรกเกิดทั้งหมดจะช่วยลดการตกหล่นจากกระบวนการคัดกรอง และ สนับสนุนการเลี้ยงดูที่ดีแก่เด็กได้
ข้อมูลจากสวนดุสิตโพล ระบุว่า ยังมีประชาชนอีกมากถึงร้อยละ 23.49 ที่ไม่ทราบถึงโครงการนี้ ซึ่งกว่าร้อยละ 81 เห็นว่าสิทธินี้ควรเป็นสิทธิถ้วนหน้าอย่างไม่มีเงื่อนไขให้กับเด็กไทยทุกคนตั้งแต่แรกเกิด
โดยมีการคาดการณ์ว่าในสัปดาห์หน้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดเป็นแบบถ้วนหน้าและให้เงินอุดหนุนกับหญิงตั้งครรภ์ นับเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวของการเปลี่ยนแปลงในระบบสวัสดิการ