จับหลานสาว 'แหนมดอนเมือง' โกงอื้อ 400 ล้าน ซื้อที่ดิน-บ้าน-รถหรู

ตำรวจกองปราบปรามจับหลานสาวเจ้าของ "แหนมดอนเมือง" พร้อมสามี หลังจากทำงานแผนกบัญชีให้บริษัท แต่พบว่าบริษัทขาดทุนต่อเนื่องมาหลายปี ทั้งๆสินค้ายอดไม่ตก หลังจากตำรวจสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่าเป็นหลานสาวและสามี ยักยอกเงินเกือบ 400 ล้าน โดยนำไปซื้อที่ดิน 24 แปลง ซื้อบ้านหรู รถหรู รวมทั้งสินค้าแบรนด์เนม ตรวจยึดหุ้นกู้และประกันร่วม 200 ล้านบาท ส่วนสามีอ้างว่าทำธุรกิจให้เช่าพระเครื่อง



ตำรวจกองกำกับการ 2 กองปราบปราม นำหมายศาลเข้าจับกุมตัว นายธชธร อายุ 41ปี และ นส.นภษร หรือไข่มุก อายุ 39 ปี ที่หมู่บ้านย่านรังสิต คลองสอง จ.ปทุมธานี แต่ไม่พบตัว



ตำรวจสืบทราบว่าทั้งสองสามีภรรยา เดินทางไปทำบุญวันคล้ายวันเกิดมารดาของ นส.ไข่มุก ที่อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี หลังจากทำบุญแล้ว ทั้งสองจึงถูกควบคุมตัวที่วัดและได้ควบคุมตัวมาบ้าน ที่รังสิต คลองสองพร้อมรถหรู



ปฏิบัติการครั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เข้าตรวจค้นบ้าน พบสินค้าแบรนด์เนมจำนวนมาก นาฬิกาเรียนละล้านบาท ภายในห้องยังพบพระเครือง หลวงพ่อทิม ที่ฝ่ายสามีของ นส.ไข่มุก แจ้งว่าทำธุรกิจให้เช่าพระเครื่อง รวมทั้งเครื่องประดับแบรนด์เนมเต็มห้องพัก



ขณะที่ยังมีบ้านอีก 1หลัง ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน กำลังตบแต่ง ราคามากกว่า 30 ล้านบาท และยังมีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ บีBMWคันละกว่า 1 ล้าน และอีกยี่ห้อคันละ กว่า 5 แสนบาทจอดไว้ที่บ้านมารดา



นอกจากนี้ยังพบว่า ทั้งสองยังนำเงินไปซื้อที่ดิน บ้านพักตามอากาศที่ปากช่อง

และจ.นครนายก จำนวน 24 แปลง โดยยังพบตู้เซฟเก็บไว้ที่ปากช่อง และตู้เซฟที่ฝากไว้กับธนาคารอีก 1ตู้



จากการสืบสวนมาร่วม 1ปีของตำรวจพบว่าสามีของ นส.ไข่มุก ไม่ได้ประกอบอาชีพใด แต่มีฐานะร่ำรวย มีทรัพย์สินครอบครองหลายรายการ ขณะที่นส.ไข่มุก ได้รับเงินเดือน 29000 บาท จากบริษัทแหนมดอนเมือง ในตำแหน่งพนักงานบัญชี แต่จากการครอบครองทรัพย์สินไม่สอดคล้องกับเงินเดือนที่ได้รับ



โดยป้าของนส.ไข่มุก เป็นเจ้าของบริษัทแหนมดอนเมือง ก่อตั้งมาร่วม 40 ปี สงสัยว่าอาจมีพนักงานในบริษัทฉ้อโกง เนื่องจากบริษัทได้กำไรลดลงทุกวัน จึงแจ้งความต่อตำรวจสอบสวนกลางเมื่อปีที่ผ่านมา ให้ตรวจความผิดปกติภายในบริษัท



หลังสืบสวนเส้นเงินกลับพบว่าเป็น น.ส.ไข่มุก ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของเจ้าของบริษัทฯ ตำแหน่งดูแลด้านบัญชี ได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารของบริษัท และ นำเช็คซึ่งออกไว้เพื่อใช้ชำระค่าวัตถุดิบแก่คู่ค้าเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัว รวมถึงทำการเบิกเงินสดตามรายการใบแจ้งหนี้ของบริษัทคู่ค้า แต่ไม่ได้นำไปจ่ายจริง เข้าบัญชีตัวเอง



โดยได้เริ่มทุจริต มาตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปี 2566 เป็นจำนวนรวมกว่า 1,000 ครั้ง เป็นเงินเกือบ 400 ล้านบาท ก่อนจะมีการยักย้ายถ่ายเทเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งบางส่วนมีชื่อ นายธชธร สามีเป็นผู้ครอง



ซึ่งตำรวจแจ้งข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง ลักทรัพย์นายจ้าง, ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ, และร่วมกันฟอกเงิน โดยต่างกรรมต่างวาระหลายรายการ