'บราซิล' อ่วม ฝนตกหนักน้ำท่วมใหญ่ รุนแรงสุดในรอบ 80 ปี เสียชีวิตแล้ว 39 ราย

หลายประเทศทั่วโลกยังคงเผชิญสภาพอากาศเลวร้าย โดยที่บราซิลเจอกับฝนตกและน้ำท่วมครั้งใหญที่สุดในรอบ 80 ปี เสียชีวิตแล้วกว่า 39 คน และสูญหายกว่า 70 คน เช่นเดียวกับที่รัฐเท็กซัส ของสหรัฐ ก็เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก ขณะที่บ้านเพื่อนบ้าน เมียนมากำลังรับมือกับคลื่นความร้อน อุณหภูมิในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีคนเสียชีวิตจากโรคลมแดดแล้วกว่า 50 คน



หลายเมืองในรัฐรีโอกรันดีโดซูล ทางตอนใต้ของบราซิล ขณะนี้กำลังเผชิญกับน้ำท่วมอย่างหนัก ถนนหนทางกลายสภาพเป็นแม่น้ำ มีถนนและสะพานพังถล่ม หน่วยงานด้านการป้องกันพลเรือนของ เผยว่า มีประชาชนมากกว่า 70 คนยังสูญหาย อีกอย่างน้อย 2 หมื่น 4 พันคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน และประมาณ 5 แสนคนขาดแคลนไฟฟ้ากับน้ำสะอาด หลังเมืองต่าง ๆ กว่า 250 เมืองของรัฐถูกพายุพัดถล่มจนน้ำท่วมหนัก โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่า ตัวเลขสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากเจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่ประสบภัยได้มากขึ้น



นอกจากนี้ พายุยังทำให้เกิดดินถล่ม และเขื่อนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่งพังทลายด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคลื่นสูง 2 เมตร สร้างความตื่นตระหนก และความเสียหายเพิ่มเติมให้กับพื้นที่ที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ทางการกำลังจับตาเขื่อนแห่งที่ 2 ที่ตั้งอยู่ในเมืองเบนโตจ กอนคอลเวส (Bento Goncalves) ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะพังถล่ม ทำให้ต้องออกคำสั่งอพยพประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง



ส่วนที่เมืองปอร์ตู อาเลเกร (Porto Alegre) ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐรีโอกรันดีโดซูล น้ำในแม่น้ำได้เอ่อล้นตลิ่ง และทะลักเข้าท่วมถนน ปิดกั้นทางเข้าออกย่านใจกลางเมืองอันเก่าแก่



เจ้าหน้าที่ของรัฐรีโอกรันดีโดซูลได้นำเฮลิคอปเตอร์เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบน้ำท่วมคู่หนึ่ง ที่ติดอยู่บนหลังคาบ้าน ซึ่งกำลังถูกน้ำท่วมหนัก



หน่วยงานธรณีวิทยาของบราซิลเผยว่า น้ำท่วมครั้งนี้มีความรุนแรงและเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484 หรือ 83 ปีก่อน ขณะที่บางเมืองมีระดับน้ำสูงสุด นับตั้งแต่มีการเก็บบันทึกเมื่อเกือบ 150 ปีก่อน ทั้งนี้ รัฐรีโอกรันดีโดซูล ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นจุดบรรจบทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างบรรยากาศเขตร้อนและขั้วโลก ทำให้เกิดสภาพอากาศแบบสุดขั้ว เช่น ฝนตกหนัก และภัยแล้ง อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์ในท้องถิ่นเชื่อว่า สภาพอากาศดังกล่าวมีความรุนแรงขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อุทกภัยครั้งนี้ยังเกิดขึ้น หลังบราซิลเผชิญกับภัยแล้งต่อเนื่องมาอย่างยาวนานกว่า 2 ปี จากปรากฏการณ์ลานีญ่า (La Nina)



เช่นเดียวกับที่รัฐเท็กซัส ของสหรัฐ ก็เผชิญฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทางการต้องประกาศเตือนภัยพิบัติ และอพยพประชาชนบางส่วนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งของแม่น้ำซานฮาซินโต หลังจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นถึง 22.86 เมตร รวมถึง มีคำสั่งปิดโรงเรียน และถนนหลายสายรอบเมืองฮูสตัน แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งนี้ คาดว่าน้ำท่วมจะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงสัปดาห์หน้า



ขณะที่อินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือและอพยพประชาชนออกจากบ้านเรือน หลังเกิดเหตุน้ำท่วม และดินถล่มในเขตลูวู ของจังหวัดสุลาเวสีใต้ อันเป็นผลมาจากฝนตกลงมาอย่างหนัก ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้บ้านเรือนของประชาชนจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งลึก 3 เมตร และได้รับความเสียหายมากกว่า 1,800 หลังคาเรือน ล่าสุด ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้วในบางพื้นที่ และพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน