สังคม
รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ใช้ไทยเป็นฐานฟอกเงินกว่า 7 หมื่นล้าน
โดย panisa_p
29 เม.ย. 2567
584 views
ตำรวจยังคงปฏิบัติการตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้สร้างความสะเทือนให้กับหัวหน้าขบวนการ แก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นอย่างมาก เมื่อตำรวจสอบสวนกลางพบแหล่งฟอกเงินกลุ่มใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีเงินหมุนเวียนนับ 7หมื่นล้าน อีกทั้งยังพบเส้นทางหลบหนีของจีนเทา หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีหมายจับ ใช้เส้นทางช่องลับใน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ข้ามเข้ามาใช้เงินในประเทศไทย โดยมีนายหน้าเป็นอดีตข้าราชการตำรวจร่วมกับชาวกัมพูชา พาคนไทยไปทำงาน และพาจีนเทากลับมาใช้เงินในไทย
ตำรวจสอบสวนกลาง เข้าจับนายเฉิน อายุ32 ปี ขณะอาศัยอยู่หมู่บ้านหรู ย่านราชพฤกษ์ เขตภาษีเจริญ การเข้าจับกุมของตำรวจ ปอท.ครั้งนี้หลังจากสืบทราบว่านายเฉิน รับฟอกเงิน โดยจ้างคนไทยให้เปิดกระเป๋าเงินดิจิทัล ไว้ฟอกเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มากถึง 7หมื่นล้านบาท นั่นหมายถึงเงินแถวสุดท้ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มุ่งตรงมายังนายเฉิน ซึ่งใช้ชีวิตสุขสบายในไทยมา 10 ปี มีภรรยาชาวจีน และมีบุตร 3 คน แต่กลับพบว่าบุตรทั้งคนมีสัญชาติไทย ด้วยการ จ้างชายไทยจดทะเบียนสมรสกับภรรยา และอ้างรับเป็นบิดาของบุตรทั้ง3 คน เพื่อให้ลูกได้สัญชาติไทย
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่านับเป็นการจับตัวการสำคัญ เพราะนายเฉินรับฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบทุกประเภทที่มีฐานอยู่กัมพูชาถึง 30 คดี ทั้งหลอกส่งลิงค์ปลอมเป็นตำรวจสอบสวนกลาง CIB ว่าสามารถช่วยเหลือเหยื่อที่ตกเป็นผู้เสียหายได้ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ข่มขู่เหยื่อให้โอนเงินมาตรวจสอบ
หลอกเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า และกรมบัญชีกลาง หลอกให้ลงแอปพลิเคชั่นดูดเงิน หลอกทำงานออนไลน์และหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แจ้งผู้เสียหายให้ตกใจว่ากำลังถูกแฮ็กบัญชีให้รีบโอนเงินไปตามลิงค์ที่ส่งมา การจับกุมนายเฉินได้นับว่าจะนำทรัพย์มาคืนเหยื่อได้ โดยยึดเงินสด บ้านที่ดิน รถได้หลายรายการ
ปฎิบัติการครั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลางยังพบเส้นทางเป็นประตูช่องลับ ด้านหน้าเป็นไทยชายแดนอรัญประเทศ จ.สระแกวเปิดประตูออกไป เป็นทางสู่กัมพูชา ซึ่งเป็นพื้นที่ของเอกชน มีการสร้างร้านค้าบังหน้า แต่ด้านหลัง เป็นช่องลับ พาคนไทยข้ามแดนไปสแกนหน้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยังเป็นเส้นทางเดียวกับนำพาจีนเทา หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับมาใช้เงินในไทย โดยมีนายหน้าเก็บค่าผ่านมาครั้งละ 3000 บาทมี และ1ใน 4เป็นอดีตตำรวจนอกราชการ
ขณะที่ตำรวจ กองกำกับการ3 ปอทกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ก็พบว่ามีมีคนข้ามเฉลี่ยวันละ 60-70 คน โดยเฉพาะกลุ่มจีนเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลักลอบข้ามเข้ามาจริง จึงได้สกัดจับ พบนายเซ็ง อายุ 31 ปี ตรวจสอบประวัติ พบว่าเป็นบุคคลมีหมายจับตำรวจสากล ที่รัฐบาลจีนต้องการตัวในคดีอาชญากรรมออนไลน์ นับเป็นระดับตัวการใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลบหนีหมายจับ จึงใช้ช่องทางธรรมชาติข้ามแดน การจับกุมจีนเทาครั้งนี้นับเป็นระดับหัวหน้าแก๊ง ที่รับผลประโยชน์เงินที่ได้จากการหลอกลวง ถึง2 คน ซึ่งเป็นการตัดวงจรและพบแหล่งฟอกเงินขนาดใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน