ต่างชาติชื่นชมไทย ผู้นำ 'ระเบียงมนุษยธรรม' สถานการณ์ในเมียนมา เชื่อนำสู่สันติภาพในอนาคต

เอกอัครราชทูตและผู้แทนกว่า 50 คนที่เข้ารับฟังการชี้แจงภารกิจเพื่อมนุธรรมต่อสถานการณ์ในเมียนมา ที่กระทรวงการต่างประเทศ ชื่นชมรัฐบาลไทยที่ริเริ่มระเบียงมนุษยธรรม ซึ่งเชื่อว่าจะพัฒนาไปสู่การพูดคุยเพื่อสันติภาพในอนาคต



นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงภารกิจเพื่อมนุษยธรรมต่อสถานการณ์ในเมียนมาของรัฐบาลไทย ต่อเอกอัครราชทูต และผู้แทน กว่า 50 ประเทศ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ หลังจากไทยได้ส่งมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ชุดแรกให้ผู้พลัดถิ่นในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา และสิ่งของได้ไปถึงมือผู้ได้รับผลกระทบใน 3 หมู่บ้าน ในรัฐกะเหรี่ยง จำนวนกว่า 20,000 คนเป็นที่เรียบร้อย



นายสีหศักดิ์ เปิดเผยว่าตัวแทนสถานทูตฯต่างๆ ชื่นชมสนับสนุนสิ่งที่ประเทศไทยได้ดำเนินการไป ถือเป็นครั้งแรก และไม่น่าเป็นครั้งเดียว โดยยอมรับว่าการดำเนินการไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นการช่วยเหลือข้ามเขตแดนครั้งแรก จึงคาดหวังว่าจะมีการดำเนินงานครั้งต่อไป เช่น อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านกับเมียนมาก็พร้อมให้ความร่วมมือกับข้อริเริ่มของไทย ถือเป็นความพยายามตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน ที่หวังว่าจะเป็นการเปิดประตูสู่การหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม หรือการพูดคุยเพื่อมนุษยธรรม สนับสนุนการสร้างสันติภาพในเมียนมา



ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สิ่งของบรรเทาทุกข์ชุดแรกได้ไปถึงผู้พลัดถิ่นในประเทศในพื้นที่เป้าหมายแล้ว ต้องขอบคุณสภากาชาดไทย สภากาชาดเมียนมา กองทัพบก กองบัญชาการทหารสูงสุด รวมถึงรัฐบาลเมียนมา และกลุ่มชาติพันธ์ในพื้นที่ ที่ช่วยดำเนินการให้ภารกิจสำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งไทยไม่ต้องการให้เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่แสดงถึงความร่วมมือทางมนุษยธรรมอย่างแท้จริง



ขณะที่สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU มีแถลงการณ์ขอบคุณรัฐบาลไทยที่จัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับผู้หนีภัยการสู้รบที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU ซึ่งได้รับผลกระทบจากโจมตีทางอากาศของรัฐบาลทหาร SAC ซึ่งมีการโจมตีด้วยปืนใหญ่ การปล้นสะดม และการเผาบ้านเรือนของพลเรือน



กองกำลังรักษาชายแดนกะเหรี่ยง BGF ได้ขนส่งสิ่งของช่วยเหลือผ่านเมืองเมียวดีโดยผ่านเจ้าหน้าที่ กองทัพบกร่วมติดตามการส่งมอบความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่จากเขตพะอันของ KNU ได้รับพัสดุช่วยเหลือจำนวน 3,874 ชิ้น จากเจ้าหน้าที่กองทัพบกไทยในเมืองนาบู และส่งมอบ ให้กับ CIDKP หรือคณะกรรมการเพื่อชาวกะเหรี่ยงผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ และผู้นำชุมชนตามลำดับ ที่ช่วยเหลือและดูแลผู้พลัดถิ่น

และมีเจ้าหน้าที่จาก SAC และสภากาชาดเมียนมา MRCS เข้าร่วมในการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยไม่คาดคิด ผู้นำของ KNU สามารถแจกจ่ายสิ่งเหล่านี้ได้ อย่างสมบูรณ์และด้วยความยับยั้งชั่งใจ แม้จะมีความท้าทายก็ตาม

ทาง KNU จึงมีความเห็นว่าวิกฤตด้านมนุษยธรรมในเมียนมา เป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจาก SAC ที่จงใจมุ่งเป้าไปที่พลเรือน และเห็นว่า SAC แสวงหาหนทางที่จะใช้ประโยชน์จากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองอยู่เสมอ และสภากาชาดเมียนมา ก็เป็นกองกำลังสำรองทางทหาร และเป็นองค์กรที่สนับสนุน SAC การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผ่านการชาดเมียนมาแสดงให้เห็นถึงความเฉยเมยต่อความทุกข์ทรมานที่เกิดขึ้นด้วย