ส่งมอบแล้ว! สิ่งของบรรเทาทุกข์ชุดแรกจากไทยถึงเมียนมา ในภารกิจ 'ระเบียงมนุษยธรรม'

รัฐบาลไทยส่งมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ชุดแรกไปยังประชาชนเมียนมา ในภารกิจระเบียงมนุษยธรรม ผ่านทางสภากาชาดไทยไปยังสภากาชาดเมียนมา ส่งไปยังสามหมู่บ้านในรัฐกะเหรี่ยง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าเป็นภารกิจเพื่อมนุษธรรม ที่คาดหวังว่าจะเปิดประตูไปสู่การเจรจาสันติภาพในอนาคต ซึ่งไทยมีความพร้อมในการเป็น Peace Broker ต่อการสร้างสันติภาพในเมียนมาด้วย



พิธีส่งมอบสิ่งของความช่วยเหลือชุดแรกจากรัฐบาลไทยในภารกิจเพื่อมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมียนมา ผ่านทางสภากาชาดไทยและสภากาชาดเมียนมา มีขึ้นที่ด่านพรมแดนแม่สอด 2 โดยมีนางลัดดาวัลย์ เพชรเศษ นายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สอด ผู้แทนสภากาชาดไทย มอบความช่วยเหลือให้นายอู โอง ไว นายกสภากาชาดเมียนมา สาขาเมียวดี เพื่อนำถุงยังชีพจำนวน 4,000 ชุดไปยังชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ จำนวนกว่า 20,000 คน ใน 3 หมู่บ้านของรัฐกะเหรี่ยง ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียมาแห่งที่ 2 ประกอบด้วย บ้านนาบู บ้านไปร่จาง บ้านตามันยา จังหวัดผาอัน และ กอกาเร็ก รัฐกะเหรี่ยง



ในส่วนฝ่ายไทยมีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ และนายอูกิงสั่นลิน ผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดี เป็นผู้แทนฝ่ายเมียนมา และผู้แทนชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดตากและรัฐกะเหรี่ยงมาร่วมเป็นสักขีพยาน



รัฐบาลไทย ชี้แจงว่า การส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน และไทยยินดีที่ประเทศอาเซียนทั้งหมดให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการนี้ โดยสิ่งของบรรเทาทุกข์ถูกจัดส่งโดยรถบรรทุก 10 คันไปยัง 3 หมู่บ้านในรัฐกะเหรี่ยง



นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เปิดเผยว่า สิ่งของชุดแรกจะไปถึงทั้งสามหมู่บ้านในวันนี้ โดยจะถึงที่หมู่บ้านนาบูและตามายะในช่วงเที่ยง และไปถึงหมู่บ้านไป่ง์โจงในช่วงบ่าย คาดหวังว่าการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม จะไปถึงมือประชาชนที่เดือดร้อนทุกคน ไม่มีการเลือกปฏิบัติ และเป็นไปด้วยความโปร่งใส ซึ่งมีองค์กรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอาเซียน AHA มาร่วมสังเกตการณ์ด้วยจึงเชื่อมั่นได้ว่าไทยมีความจริงใจที่จะทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวเมียนมาเป็นที่ตั้ง ไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งในเมียนมา และเปิดประตูสู่สันติภาพในเมียนมาด้วย



นายสีหศักดิ์ ยอมรับว่า การส่งมอบของครั้งแรก จำเป็นต้องประสานผ่านรัฐบาล เพื่อแสดงความจริงใจว่าเป็นการช่วยเหลือมนุษยธรรมอย่างแท้จริง เพื่อยกระดับไปสู่พื้นที่อื่น ซึ่งอาจจะเปลี่ยนวิธีการ เพราะแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน เช่นในรัฐคะเรนนี และยอมรับว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างบรรยากาศที่ดีที่จะนำไปสู่การเจรจาสันติภาพในอนาคต ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมที่จะมีบทบาทอย่างแข็งขันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน



ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันด้วยว่าไทยมีความพร้อมในการทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเจรจาสันติภาพ Peace Broker แต่ต้องขึ้นอยู่กับกลุ่มต่างๆในเมียนมาว่าพร้อมหรือไม่ ซึ่งวันพรุ่งนี้จะพบนายอาลุนแก้ว กิตตุคุณ ผู้แทนพิเศษอาเซียนจากประเทศลาว ซึ่งจะได้คุยถึงความร่วมมือนี้ด้วย



ผศ.ดร.ลลิตา หาญวงษ์ ซึ่งร่วมสังเกตุการณ์ภารกิจ กล่าวว่า ได้เห็นความตั้งใจจริงของรัฐบาลที่อยากส่งมอบความช่วยเหลือชุดแรกให้เมียนมา หวังว่าต่อไปความช่วยเหลือจะถึงรัฐอื่นๆมากๆขึ้น และเป็นนิมิตหมายที่ดีในการทำงานของรัฐบาล 2 ประเทศและกลุ่มชาติพันธุ์ ที่จะพัฒนาส่งมอบไปย้งพื้นที่อื่น และส่งเสริมบทบาทของไทยในการเป็น peace broker ต่อสถานการณ์ในเมียนมาด้วย



ล่าสุดมีรายงานว่า รถบรรทุกข์สิ่งของบรรเทาทุกข์ชุดแรกจากรัฐบาลไทย ในภารกิจเพื่อมนุษยธรรมต่อสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งมีพิธีส่งมอบเมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 25 มีนาคม 2567 ที่ด่านพรมแดนแม่สอด 2 อ.แม่สอด จ.ตาก ได้เดินทางถึงบ้านนาบูเป็นจุดแรก เมื่อเวลา 17.00 น.และเริ่มแจกจ่ายให้ประชาชนในเวลา 18.30 น.โดยมีป้ายข้อความเขียนว่า พิธีส่งมอบความช่วยเหลือจากประเทศไทย เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือในพื้นที่ ไป๋โจ่ง, นาบู และดงยิน เพื่อช่วยผู้หนีภัยการสู้รบจากพื้นที่ KNU กองพลน้อยที่ 6 ส่วนสิ่งของที่เหลืออีก 6 คันรถบรรทุกเดินทางต่อไปส่งในอีก 2 หมู่บ้าน คื่อบ้านไปร่โจ่ง และตาบันยา ที่อยู่ไกลออกไป คาดว่าจะถึงในพรุ่งนี้