รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์ แจ้งความเอาผิด 'บิ๊กโจ๊ก' ปมให้ 'พ.ต.อ.' ปลอมลายเซ็นซ้อมพิธีรับเข็ม วปอ.

วันนี้ทนายความของบิ๊กโจ๊กเดินสาย 4 ที่ ร้องคณะพนักงานสอบสวนที่ทำคดีเว็บพนัน BNK Master หลังยังส่งหมายเรียกครั้งที่ 2 ถึงบิ๊กโจ๊ก ให้มาพบในวันพรุ่งนี้ โดยตั้งคำถามถึงกระบวนการทำงาน ทั้งที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ส่งสำนวนคดีไป ป.ป.ช. แล้ว


นาย ณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ ทนายความของพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนเข้าพูดคุยกับ พันตำรวจเอกเอก สุรเดช ฉัตรไทย ผู้กำกับการ สน.เตาปูน เรื่องการดำเนินคดีกับบิ๊กโจ๊ก ในคดีเว็บพนัน BNK Master เพื่อให้คณะพนักงานสอบสวนที่ดำเนินการเรื่องนี้อยู่ยุติการสอบสวนและรวบรวมสำนวนส่ง ป.ป.ช.ตามที่ควรจะเป็น


เพราะที่ผ่านมาพบว่ายังมีการสื่อสารผ่านสังคมว่า สน.เตาปูนออกหมายเรียก บิ๊กโจ๊ก ให้มารับทราบข้อกล่าวหาอยู่ ซึ่งข้อเท็จจริงบิ๊กโจ๊ก ยืนยันว่าไม่เคยได้รับหมายเรียกมาก่อน จึงมองว่าการออกหมายเรียกครั้งที่สอง อาจต้องการให้เข้าเงื่อนไขของการออกหมายจับ และจนถึงตอนนี้ทางบิ๊กโจ๊กและทีมทนายก็ยังไม่ได้รับหมายเรียกใดทั้งสิ้น ตามที่มีข่าวว่ามีหมายเรียกครั้งที่ 2 ให้ไปรับข้อกล่าวหาในวันที่ 26 มีนาคม โดยตามกฎหมาย ป.วิอาญา การส่งหมายต้องส่งให้ตัวผู้ที่ถูกออกหมายเท่านั้น


จากนั้นทนายณัฐวิชช์ ได้ไปยื่นหนังสือถึง พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้ดำเนินการตามคำสั่งของ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เคยร่วมแถลงข่าวกับ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ให้คณะพนักงานสอบสวนรวบรวมสำนวนคดีที่เกี่ยวกับเว็บพนันทั้งหมดส่งให้ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณา


แม้ว่าคดีของ สน.เตาปูน จะยังไม่ได้แจ้งข้อหาเป็น "เจ้าพนักงาน" ทำให้สำนวนยังไม่อยู่ในเงื่อนไขของ ป.ป.ช. แต่บิ๊กโจ๊ก ก็ยืนยันว่า เรื่องที่ สน.เตาปูนเกี่ยวพันกับคดีที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่ง ป.ป.ช.รับไต่สวนไปแล้ว จึงยินดีพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา


จากนั้นทีมทนายก็ไปยื่นเอกสารร้องต่อที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยให้เหตุผลว่า ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้แต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมา จึงอยากขอให้มีคำสั่งยุติ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การที่มีข่าวเรื่องหมายเรียก หมายจับนั้น ระยะเวลาของแต่ละหมายกระชั้นชิดเกินไป เพราะตามปกติแล้วการออกหมายจะเว้นระยะประมาณ 15 วัน จึงมองว่าเป็นการเร่งรัดผิดปกติ


ส่วนจุดสุดท้ายที่ทีมทนายความไป คือ ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยนาย วราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความอีกคนของบิ๊กโจ๊กได้ยื่นฟ้องผู้มีคำสั่งแต่งตั้ง และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีเว็บพนัน BNK Master ของ สน.เตาปูน รวม 30 นาย โดยระบุว่า ที่ต้องฟ้อง เพราะหลังการแถลงของบิ๊กต่อ คณะพนักงานสอบสวนยังคงออกหมายเรียก และไม่ยอมรวบรวมสำนวนทั้งหมดส่ง ป.ป.ช.


ทางทีมทนายความจึงเห็นว่า การกระทำดังกล่าวกระทบสิทธิกับบิ๊กโจ๊ก เพราะทีมทนายความเคยแถลงไว้แล้วว่า คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนไม่มีอำนาจ ทีมทนายจึงมาฟ้องร้องในความผิดตาม มาตรา 157


สำหรับวันพรุ่งนี้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้ยืนยันว่าจะมีการแถลงข่าวเปิดโปงขบวนการส่วยตัวท็อปแบบม้วนเดียวจบ เพื่อตอบคำถามว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีส่วนกับเรื่องนี้หรือไม่


โดยมีภาพประกอบ เป็นตำรวจ 3 นาย คือ ด.ต.อภิชาต สุวรรณเพ็ชร กก.1 สอท.2 หรือ ดาบยาว ที่เป็นหน้าเสื่อของรองฟาง พ.ต.ท.สุรกุล ธัญสิริดำรง ทั้ง 2 สังกัดตำรวจไซเบอร์ และรองฟางเป็นคนสนิทของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.


ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ วันนี้ พันตำรวจโท คริษฐ์ ปริยะเกตุ ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน กรณีพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับบัญชีม้า แต่ พ.ต.ท.คริษฐ์ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ


ขณะที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ได้โพสต์ภาพ โดยระบุว่า ได้เดินทางไปทำบุญที่จังหวัดหนองคายและตอนนี้ได้ยกเลิกการลาไปพักผ่อนที่อังกฤษ เพราะ ได้รับภารกิจจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี ให้เป็นประธานแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของประชาชนบนเกาะหลีเป๊ะ และประธานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ของกลุ่ม พีมูฟ


นอกจากนี้ยังทิ้งท้ายไว้ว่าจะกลับมาลุยงานให้พี่น้องและชาวบ้าน รวมทั้งขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมา โดย สัญญาว่าทุกวินาที ที่ผ่านไปผมจะใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ และหยิบยื่นความยุติธรรมให้กับทุกคนถึงประตูบ้าน


แต่ล่าสุด พันตำรวจเอก กฤษณะพงศ์ กัญจ์ชัยกิจ รองผู้บังคับการกองร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ได้เข้าแจ้งความที่ สน.สุทธิสาร ให้ดำเนินคดีกับ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ และ พันตำรวจเอกพันลภ สุภิญโญ กรณีที่ บิ๊กโจ๊ก ไหว้วานให้ พ.ต.อ.พันลภ ปลอมลายเซ็นในวันซ้อมย่อยพิธีพระราชทานปริญาบัตรและเข็มพระราชทาน วปอ.รุ่น 65 ซึ่งเป็นความผิดฐานร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการและใช้เอกสารปลอม จากนี้จะให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนตามกฎหมายต่อไป