เปิดเบื้องหลังทลายบ่อนบางใหญ่ เร่งหาเจ้าของตัวจริง คาดโยงผู้มีอิทธิพลหลายกลุ่ม

ความคืบหน้าปฏิบัติการโค่นเซียน บุกทลายบ่อนการพนัน ย่านบางใหญ่ นนทบุรี วันนี้เจ้าหน้าที่คุมตัวเจ้ามือเเละนักพนันทั้ง 328 คน ส่งฟ้องศาล ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี สั่งย้าย 3 นายตำรวจสภ.บางใหญ่ ส่วนตำรวจอีก 2 นายรอดเพราะอยู่ในช่วงลาราชการ



จากกรณีชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง นำกำลังบุกเข้าไปทลายบ่อนการพนันขนาดใหญ่กลางชุมชน ภายในหมู่บ้านพระปิ่น 3 ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งภายในพบอุปกรณ์เเละวงพนันมากถึง 16 โต๊ะ มีห้องวีไอพี 3 ห้อง อาวุธปืน ชิปแทนเงินสดราคาตั้งแต่ 5,000 บาท ไปจนถึง 500,000 บาท รวมชิปที่ยึดได้มูลค่ามากกว่า 50 ล้าน เเละเงินสดอีกเกือบ 10 ล้านบาท



ซึ่งเมื่อคืนนี้ หลังตรวจสอบเก็บหลักฐานเสร็จสิ้น ได้ส่งนักพนันทั้งหมด ขึ้นรถ 6 ล้อ คุมตัวไปที่อาคารอเนกประสงค์ของอำเภอบางใหญ่



กระทั่งช่วงบ่าย 2 วันนี้ เจ้าหน้าที่ทยอยคุมตัวนักพนันขึ้นรถเมล์ที่เตรียมไว้ 6 คัน ส่งฟ้องศาลแขวง จังหวัดนนทบุรี ในข้อหา "ร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นพนันโดยผิดกฎหมาย ส่วนเจ้ามือในบ่อนจะถูกแจ้งข้อหา "จัดให้มีการเล่นการพนันโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันลักลอบเล่นการพนันโดยผิดกฏหมาย และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนใครเป็นเจ้าของบ่อนตัวจริง ยังอยู่ระหว่างสอบสวน



ขณะที่ พลตำรวจตรี ปรารถนา แผ่นผา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ได้ลงนามหนังสือคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยให้รายงานผลภายใน 15 วัน และเพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย-โปร่งใส



จึงสั่งย้าย 3 เสือ สภ.บางใหญ่ คือ 1.พันตำรวจเอก รณภัฏ ทับทิมธงไชย ผู้กำกับการ 2.พันตำรวจโท ปฏิญญา ตินโย สารวัตรป้องกันปราบปราม และ 3.พันตำรวจโท พายุ นิลละออ สารวัตรสืบสวน



ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ ตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี โดยให้ขาดจากต้นสังกัดเดิมทันที โดยให้พันตำรวจเอก ปิยวุฒื แก้วมณี รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี รักษาการผู้กำกับการ สภ.บางใหญ่ ส่วนรองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม และรองผู้กำกับการสืบสวน ที่ไม่โดนย้าย ตามรายงานระบุว่า เพราะอยู่ระหว่างลาราชการ



ปฏิบัติการบุกทลายบ่อนครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นจากจดหมายร้องเรียนของประชาชน โดยส่งเรื่องมาที่ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ของกระทรวงมหาดไทย พบมีบ่อนการพนันลักลอบเปิดในโกดัง ย่านบางใหญ่ นนทบุรี ซึ่งอาจจะเกี่ยวโยงกับผู้มีอิทธิพล เพราะเมื่อดูจากลักษณะการล้อมรั้ว ขนาดของอาคาร เเละรถยนต์นับร้อยคันที่เข้ามาจอด เชื่อว่าน่าจะเป็นบ่อนใหญ่ ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ส่งทีมเข้าตรวจสอบในทางลับ พบเป็นบ่อนถาวรขนาดใหญ่ ดัดแปลงทำช่องลับ วางระบบความปลอดภัยไว้แน่นหนา นักพนันรู้จักกันดีในชื่อ บ่อนพระปิ่น 3



ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง ส่งทีมเข้าไปสืบในทางลับ พบว่าสถานที่เป้าหมายตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดดอนสะแก รายล้อมไปด้วยชุมชน ในพื้นที่ ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นักพนันรู้จักกันในชื่อ บ่อนพระปิ่น 3



จากจดหมายร้องเรียน ชี้เบาะเเสว่า บ่อนแห่งนี้ มีรถเข้าออกทั้งกลางวันและกลางคืน ดูจากสภาพรั้วที่สูงไม่น้อยกว่า 3 เมตร เชื่อว่าเป็นบ่อนใหญ่ และเพิ่งจะเปิดเมื่อปลายปีที่เเล้ว



เจ้าหน้าที่พบเป็นอาคารมั่นคงถาวร วางระบบความปลอดภัยด้วยประตูเหล็กขนาดใหญ่ล็อก 3 ชั้น และวางคนเฝ้าไว้โดยรอบ



หลักฐานและข้อมูลจากสายลับ พบว่านอกจากระบบความปลอดภัยรอบนอก ก่อนเข้าอาคารยังวางกฏเหล็กสำหรับนักพนัน ตั้งเเต่การตรวจสเเกนหาวัตถุ ห้ามใช้กล้องจากโทรศัพท์ด้วยการใช้สติกเกอร์แปะทับ คนแปลกหน้าหรือไม่รู้จักใครข้างใน จะได้รับการปฏิเสธและไม่อนุญาตให้เข้า



เจ้าหน้าที่การข่าวเข้าสำรวจหลายครั้ง จนได้หลักฐานครบองค์ประกอบความผิด ทั้งจำนวนการ์ด / อุปกรณ์สื่อสาร / อาวุธที่ใช้ / กล้องCCTV / พนักงานเเลกชิพ / ห้องสำหรับวีไอพี / รวมถึงช่องทางลับที่ดัดเเปลงทำไว้เป็นเส้นทางหนี



ข้อมูลทั้งหมด ถูกร่างออกมาเป็นเเผนผัง ใช้สำหรับเตรียมวางเเผนเข้าปิดล้อม-จับกุมบ่อนพนัน ที่มีทั้งกำถั่ว ไพ่เสือ-มังกร เเละบาคาร่า ถือเป็นบ่อนใหญ่สำหรับนักพนันกระเป๋าหนัก เงินหมุนเวียนหลายสิบล้าน เมื่อสายลับส่งสัญญาณ ปฏิบัติการก็เริ่มขึ้น



ชายเสื้อขาว ที่หลายคนรู้จักในฐานะคนในวงการมวย รับเป็นคนดูเเลที่นี่ อ้างว่าเพิ่งจะมาเปิดเมื่อปีที่เเล้ว ถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดีพร้อมกับเจ้ามือเเละนักพนัน



เเต่เบาะแสจากพลเมืองดี ชี้ว่าบ่อนแห่งนี้เกี่ยวโยงกับหลายกลุ่ม ซึ่งฝ่ายปกครองชุดจับกุม จะประสานปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่สงสัยว่า นอกจากวงพนัน ปลายทางของผลประโยชน์มูลค่านับร้อยล้าน ไปถึงคนวงการมวยหรือ อื่น ๆ ด้วยหรือไม่



นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกว่าบ่อนพนัน เป็นหนึ่งในนโยบายจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ถือเป็นภารกิจสำคัญของผู้บังคับใช้กฎหมาย เป้าหมายต่อไป มีเบาะเเสเเล้วเเต่บอกไม่ได้ เเต่หากยังฝ่าฝืนโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทีมสายลับของชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และกำลังจากสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน พร้อมออกปฏิบัติการต่อเนื่องทันที