สังคม

'ฝ่ายค้านสัญจร' นัดแรก รับฟังปัญหาฝุ่นเชียงใหม่ 'ชัยธวัช' ชี้ทำศก.เสียหาย ต้องเร่งแก้ไข

โดย panwilai_c

1 มี.ค. 2567

44 views

กิจกรรมฝ่ายค้านสัญจรนัดแรก มีกลุ่มผู้นำและตัวแทนส.ส.จากพรรคฝ่ายค้าน ร่วมลงพื้นที่รับฟังความเห็นเรื่องปัญหาฝุ่นควันและมลพิษทางอากาศที่เชียงใหม่ โดยเวทีเสวนาในครั้งนี้ได้ชี้ชัดว่า ฝุ่น PM2.5 สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนต้องแก้ไข จากเหตุผลด้านระบบราชการรวมแบบศูนย์รวมที่มีปัญหาและการจัดสรรงบที่ไม่มีประสิทธิภาพ



ฝ่ายค้านสัญจรนัดแรก รับฟังปัญหาฝุ่นเชียงใหม่ "ชัยธวัช" ชี้ ฝุ่นพิษ PM 2.5 สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ เป็นเรื่องเร่งด่วนต้องแก้ มอง ราชการรวมศูนย์มีปัญหา จัดสรรงบไม่มีประสิทธิภาพ ด้าน "ดร.เอ้" แนะรัฐบาลต้องรณรงค์ บอกต้นตอหลักมาจากภาคการขนส่ง



เวทีเสวนาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ในหัวข้อแนวทางและเครื่องมือสำหรับแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศ จัดขึ้นโดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อรับฟังความเห็นจากนักวิชาการ และภาคประชาสังคม เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากมลพิษทางอากาศ ซึ่งจะนำไปสู่การผลักดันการแก้ไขนโยบายและกฎหมายตามกระบวนการนิติบัญญัติต่อไป นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายกฤดิทัช แสงธนโยธิน หัวหน้าพรรคใหม่, นายปริเยศ อังกูรกิตติ จาก พรรคไทยสร้างไทย



นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ฝุ่นเศรษฐกิจ พิษการเมือง : เศรษฐกิจการเมืองเรื่องฝุ่นควัน โดยระบุว่า ประเด็นฝุ่น PM2.5 เป็นสถานการณ์เร่งด่วนและสำคัญ จนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจมหาศาล ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่รัฐบาลไทยในช่วงนั้นกลับเพิ่งปประกาศให้ปัญหาฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติเมื่อปี 2562



แม้เราจะไม่ใช่ฝ่ายบริหาร แต่ในฐานะผู้แทนราษฎร เราก็มีบทบาทที่สามารถจะช่วยติดตาม และผลักดันมาตรการในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ ทางกลุ่มพรรคฝ่ายค้านจึงอยากรับฟังมุมมองจากผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ที่รัฐบาลยกให้เป็น เชียงใหม่โมเดล เพื่อให้ฝ่ายค้านสามารถช่วยติดตาม รวมถึงผลักดัน ได้อย่างสุดความสามารถ



นายชัยธวัช กล่าวว่า ผลกระทบในต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดคือต้นทุนด้านสุขภาพ ซึ่งอยู่ในภาวะที่น่ากังวล เพราะมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากปัญหานี้ปีละกว่า 30,000 คน และเพิ่มมากขึ้นทุกปี



โดยหากพิจารณาจากตัวชี้วัดที่ใช้ประเมินความสำเร็จของวาระฝุ่นแห่งชาติในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ก็มีช่วงที่ดีขึ้นในบางปี แต่ก็กลับแย่ลงในปีต่อมา



ปัญหาและความท้าทายในการแก้ไข PM2.5 จากนี้ จึงมองว่า ระบบราชการแบบรวมศูนย์ไม่ได้เกิดประสิทธิภาพจริง เพราะไม่สามารถบูรณาการทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ ทั้ง การทำงานแบบต่างคนต่างทำ งบประมาณกระจุกตัว และถูกจัดสรรอย่างไม่มีประสิทธิภาพ



ขณะที่ประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐก็ไม่มีเป้าหมายและรูปธรรมอย่างชัดเจน เช่น การจัดการภัยพิบัติตามฤดูกาล ที่ตั้งคณะกรรมการเดือน ช่วงเดือนตุลาคมและสลายตัวในเดือนพฤษภาคม โดยไม่มีระบบการจัดการเชิงโครงสร้าง และปัญหากฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความล่าช้า ทั้งกฎหมายอากาศสะอาด กฎหมายว่าด้วยระบบการรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายมลพิษ (PRTR), และกฎหมายตลาดคาร์บอน รวมถึงการจัดการทุนใหญ่ที่เป็นปัญหา ทั้งเรื่องฝุ่นพิษข้ามแดน ที่ต้องมีมาตรการทางการค้า การทูต และข้อผูกพันในเชิงกฎหมาย และต้องขยายความรับผิดชอบไปยังเอกชนรายใหญ่



ดังนั้นการแก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องอย่ามองประชาชนเป็นผู้ร้ายหรือปัญหา เพื่อผลักภาระให้ชาวบ้าน แต่ต้องสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่อย่างแท้จริง พร้อมกับการสร้างแรงจูงใจ และทางเลือกใหม่ทางเศรษฐกิจร่วมด้วย



การเสวนาในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการผู้นำฝ่ายค้านสัญจร ครั้งแรก ที่เปิดรับฟังความเห็นจากนักวิชาการ ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยข้อจำกัดและอุปสรรคทางฝ่ายค้านจะช่วยติดตามและผลักดันเพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมีเป้าหมายได้มากขึ้น โดยครั้งต่อไปจะเป็นการลงพื้นที่รับฟังความเดือดร้อนของประชาชนในภาคใต้

คุณอาจสนใจ

Related News