สังคม

นายกฯ เยือนปัตตานี หนุนท่องเที่ยวภาคใต้ พร้อมเปิดมุมมองให้ความสำคัญ อัตลักษณ์-ประวัติศาสตร์

โดย panwilai_c

27 ก.พ. 2567

40 views

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานีแล้วเพื่อร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวในกิจกรรมเที่ยวใต้สุดใจ โดยตั้งใจเปิดมุมมองการท่องเที่ยวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่สามารถพัฒนาไปได้พร้อมการสร้างสันติภาพ ในขณะที่ประชาชนและท้องถิ่น อยากเห็นการท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับอัตลักษณ์และประวัติศาสตร์ ซึ่งพบว่านักท่องเที่ยวมีความสนใจ เช่นเดียวกับเรื่องอาหารและวัฒนธรรม



นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ซึ่งคณะกรรมการกลางอิสลามจังหวัดปัตตานี ได้ร่วมกันดูอาร์ขอพรให้นายกรัฐมนตรี ที่มาลงพื้นที่ในกิจกรรมเที่ยวใต้สุดใจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวให้คนปัตตานี ซึ่งมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดปัตตานี ที่เรียกได้ว่าเป็น "ทัชมาฮาลเมืองไทย เพราะเปรียบได้ว่าเป็นมัสยิดที่สวยที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2497 เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยมุสลิม จึงสร้างให้ใหญ่และสวยงามเพื่อเป็นศูนย์กลางแก่ผู้นับถือศาสนาอิสลามทั่วประเทศ ซึ่งมัสยิดกลางปัตตานียังใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจที่สำคัญโดยเฉพาะในช่วงเดือนรอมฎอนถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กับชาวปัตตานีมา 70 ปีแล้ว การถ่ายภาพร่วมกันในบรรยากาศกลางคืนของนายกรัฐมนตรีจึงกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์หนึ่งในรอบ 20 ปีด้วย



ที่แรกในการลงพื้นที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สักการะศาลหลักเมือง จ.ปัตตานี โดยนายกรัฐมนตรีสวมเสื้อ ผ้าพระราชทาน "ผ้าลายชบาปัตตานี" ซึ่งจังหวัดปัตตานี เตรียมเสื้อลายชบาปัตตานีต้อนรับ สำหรับลายผ้าพระราชทานนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา พระราชทานให้จังหวัดปัตตานี



ลายดอกชบา เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดปัตตานี ลายช่องลมมัสยิดรายอฟาฏอนี หรือ มัสยิดจะบังติกอ เป็นสถาปัตยกรรมไม้แบบมลายูโบราณ ตกแต่งด้วยลวดลายสลักและเถาวัลย์และมีการผสมผสานลายช่องลม รูปทรงเรขาคณิต สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ.2538-2399 โดยสีเขียว-เหลือง เป็นสีประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งได้รับพระราชทานลายผ้าเป็นจังหวัดแรกเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567



ซึ่งชาวจังหวัดปัตตานีนำโดย นางพาติเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ก็ต่างใส่เสื้อผ้าลายชบาปัตตานี ต้อนรับนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะที่มัสยิดกรือเซะ ตำบลตันหยงลุโละ มีการแต่งกายชุดมลายูต้อนรับนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งคลุมฮิญาบ ได้เข้าชมภายในมัสยิดกรือเซะ ที่ถือเป็นโบราณสถาน เป็นมัสยิดเก่าแก่สัญลักษณ์ของชาวมลายูปาตานี อายุกว่า 450 ปี ซึ่



งนักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เล่าว่า มัสยิดกรือเซะ หรือมัสยิดสุลต่านมูซัฟฟาร์ชาร์ ตามชื่อสุลต่านองค์ที่ 2 ของเมืองปาตานี จึงเป็นสัญลักษณ์ว่าที่นี่เคยมีการปกครองเป็นรัฐอิสลาม และยังเหลือเป็นประจักษ์พยานเพราะสร้างต่างจากมัสยิดอื่นในแหลมมลายู จึงอยากเห็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีความเข้าใจในประวัติศาสตร์ที่แท้จริง เพราะมัสยิดกรือเซะก็ยังเป็นบาดแผลของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่มัสยิดกรือเซะเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 ซึ่งจะครบ 20 ปีแล้วเช่นกัน



ที่มัสยิดกรือเซะ นายกรัฐมนตรี ยังได้พบกลุ่มสตรีประจำตำบลที่ขอให้ปรับปรุงสะพานตะลุโบะ ที่ขอให้สำเร็จในช่วงที่นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้นายเศรษฐารับปากว่าไม่ใช่ความหวังแต่สำเร็จแน่นอน นอกจากนี้ยังได้ถ่ายภาพร่วมกับนักเรียน จากโรงเรียนบ้านกรือเซะ และโรงเรียนวัดสุวรรณกร ที่มาแสดงดนตรีพื้นเมือง อาเนาะบุหลัน ได้ทานอาหารพื้นเมืองเช่น มะตะบะจากบ้านปูยุด ไก่กอและ แกงแกะแอร์กอ และเกลือหวาน ทีมีที่เดียวในจังหวัดปัตตานี รวมถึงได้สวมหมวกกะปิเยาะ สำหรับผู้ชายมุสลิม และถ่ายภาพอย่างมีความสุข



ก่อนจะชมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ลายผ้าบาราโหม ของชาวปัตตานี และผ้าลายพระราชทาน ชบาปัตตานี ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ตั้งใจให้เป็นซอฟท์พาวเวอร์ ที่สามารถนำแบบไปสร้างรายได้ได้ทุกจังหวัด เป็นปัตตานีโมเดล ขณะที่สุไลมาน ยาโม ศิลปิน ดับไฟใต้ ด้วยปลายพู่กัน มอบภาพวาดนายกรัฐมนตรี เป็นที่ระลึก ทำให้นายกรัฐมนตรีประทับใจกับการมาเที่ยวปัตตานีครั้งแรก



นายกรัฐมนตรียังได้ชมผลิตภัณฑ์ดินเผา จากบ้านธนูเดินดิน เบญจเมธาเซรามิค เนเจอร์ แอนด์พีช ซึ่งนายเอ็มโซเฟียน เบญจเมธา ได้เปิดศูนย์เรียนรู้เซรามิกเบญจเมธา ที่ อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี มากว่า 13 ปีนำอัตลักษณ์มลายูปาตานี มาสร้างงานศิลปะเป็นเครื่องปั้นดินเผา สร้างร้างแบรนด์ Benjametha Ceramic เพิ่มรายได้ให้ชุมชน รวมถึงการฝึกกีฬายิงธนูจนไปแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งได้สาธิตยิงธนูกับนายกรัฐมนตรี และคาดหวังว่าการท่องเที่ยวที่คนในพื้นที่ต้องการควรมาจากฐานความเข้าใจการยอมรับในอัตลักษณ์ ที่จะนำไปสู่สันติภาพที่แท้จริง



นายกรัฐมนตรียังได้เยี่ยมชม บ้านขุนพิทักษ์รายา บ้านเลขที่ 5 ซึ่งเป็นบ้านโบราณที่มีการอนุรักษ์มากว่า 150 ปี ตั้งแต่ปี 2413 ซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนตลาดจีน ถนนปัตตานีภิมรย์ มีความสำคัญในการตั้งถิ่นฐานของคนจีนในปัตตานี จนกลายเป็นชุมชนคนหรือ หรือภาษามลายูเรียกว่า กือดาจีนอ จึงเป็นถนนสายวัฒนธรรม มีบ้านทรงโบราณ และร้านค้าท้องถิ่น เช่นลูกหยีกวน และมี ตลาดซงจื่อ ซึ่งชุมชนร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ออกแบบผ้าบาติกให้เป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า



ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะพักดื่มน้ำชา ทานขนมเบื้องญวน และพูดคุยถึงการพัฒนาการท่องเที่ยว และได้ไปชมศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่เก่าแก่ที่สุดในไทยกว่า 400 ปี รวมถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว และชุมชนจีน ก่อนจะชมการเชิดสิงโตนานาชาติ ซึ่งประธานชุมชนหัวตลาด มองว่าปัตตานีมีการอยู่ร่วมกันของทุกศาสนาและวัฒนธรรม เช่นงานศาลเจ้าแม่ล้ิมกอเหนี่ยวทำกันมาป็นร้อยปี ทั้งชาวพุทธมุสลิมก็มาร่วมกันขายของ จึงมองว่าการท่องเที่ยวเป็นโอกาสที่มีความหวังต่อสันติภาพในพื้นที่



ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ก็คาดหวังเช่นกันว่า การตื่นตัวของประชาชนในพื้นที่ที่ร่วมกันพัฒนาการท่องเที่ยว เป็นการสร้างสันติสุขที่จะนำไปสู่สันติภาพ การมาเที่ยวของนายกรัฐมนตรี เป็นการสร้างความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวในปัตตานี และยินดีต้อนรับทั้งชาวไทยและต่างชาติ

คุณอาจสนใจ

Related News