แกะรอยโฉนดส.ป.ก. พื้นที่พิพาทเขาใหญ่ พบเบาะแสโยงกลุ่มทุนโรงแรม-ญาติจนท.ป่า

ความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีข้อพิพาท ในการออกโฉนด ส.ป.ก.4-01 ว่าทับซ้อนเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่หรือไม่ ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับดูแล ส.ป.ก.ยืนยันชัดเจนว่า ส.ป.ก 12 ฉบับ จากทั้งหมด 25 ฉบับที่ออกไปแล้วในบริสองรัฐมนตรี ถกปัญหาพิพาทแนวเขต ระหว่าง ส.ป.ก.โคราช กับอุทยานฯเขาใหญ่ บริเวณนี้ ต้องถูกยกเลิกทั้งหมด ไม่ว่าผลการพิสูจน์แนวเขตจากกรมแผนที่ทหารจะออกมาอย่างไร และยิ่งถ้าพบว่าเป็นเขตอุทยานฯ เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.จะถูกลงโทษเด็ดขาด



ขณะเดียวรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นตรงกันว่า จะต้องไม่ออกโฉนด สปก.ในพื้นที่แนวเขตติดกับ อุทยานฯทุกแห่ง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา



การหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีขึ้นก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมีปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ ร่วมเวทีหารือด้วย



จากนั้นร้อยเอกธรรมนัส เปิดเผยต่อสื่อมวลชนใน 3 ประเด็นหลัก คือทั้งเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.และอุทยานฯต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง แต่เมื่อมีข้อพิพาททางกฎหมาย จากนี้ให้รอผลการสำรวจรังวัด จากกรมแผนที่ทหาร



ประเด็นที่ 2 คือ ต้องนำภาพถ่ายสภาพพื้นที่มาประกอบ และประเด็นที่ 3 ต้องคำนึงถึงสภาพจริงของพื้นที่ ณ ขณะนั้นด้วย



โดยร้อยเอกธรรมนัส ระบุว่า ได้เห็นตรงกันที่จะไม่ออก สปก.ใกล้แนวเขตรอยต่อกับอุทยานฯ เพราะอาจเกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่า หรือการบุกรุกที่ ซึ่งก็จะเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลอยู่ดี และ ส.ป.ก. จะตั้งกรอบการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก.ว่าใหม่ ไม่ให้ใกล้แนวเขตอุทยาน



ร้อยเอกธรรมนัส ยังระบุว่า เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมา ถูกย้ายมาประจำการที่ส่วนกลางก่อนโดยยังไม่มีความผิด เพื่อเปิดทางการให้คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง ได้ตรวจสอบการทำหน้าที่สำรวจ รังวัดทัั้ง 25 ฉบับและออกเอสารสิทธิ์ไปแล้ว 12 ฉบับ หากพบว่ามีความผิดต้องถูกดำเนินคดีทั้งวินัยร้ายแรงและอาญามาตรา 157 พร้อมยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นการเมืองระหว่างกระทรวงที่มาจากพรรคเดียวกัน



ร้อยเอกธรรมนัส ยังย้ำว่า ส.ป.ก.ที่ออกไปแล้วในกรณีจะยกเลิกทั้งหมด และหากผลการสำรวจของกรมแผนที่ทหารพบว่าเป็นแนวเขตของ ส.ป.ก. พื้นที่บริเวณนี้ก็จะทำเป็นป่าชุมชน ไม่ให้จัดสรร เป็นที่ดินทำกิน

จากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ยืนยันว่า แม้ว่าอนาคตผลการสำรวจของกรมแผนที่ทหาร จะพบว่าแปลงพิพาทนี้ เป็นของ สปก. แต่ตัวเองในฐานะกำกับดูแลก็จะเพิกถอนแปลงเหล่านี้ทั้งหมด เพราะอยู่ใกล้แนวเขตอุทยานฯมากเกินไปแต่ข้อมูลที่ข่าว 3 มิติ พบว่ามีที่ดินมากกว่า 1 พันไร่ ถูกขึ้นรูปแปลง ออกโฉนด ส.ป.ก. ทับซ้อนโดยตรงกับที่ดินอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ด้วยซ้ำ



และข่าว 3 มิติ ยังได้เบาะแสว่าการออกโฉนดเหล่านี้ มีกลุ่มทุนโรงแรมอยู่เบื้องหลัง มีอดีตช่างรังวัด ของนิคมสร้างตนเองแห่งหนึ่งเกี่ยวข้อง ยิ่งไปกว่านั้น ข่าว 3 มิติก็พบว่า มีพี่เขย และญาติพี่เขยของพนักงานราชการทำหน้าที่รักษาป่าคนหนึ่ง ได้โฉนด ส.ป.ก. 2 แปลง จาก จำนวน 5 แปลงนี้ด้วย



ชุดลาดตระเวนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พบคนงาน 2 คน นำรถไถมาไถปรับสภาพที่ดินเมื่อ 6 สิงหาคม ปีที่แล้ว ในพื้นที่ซึ่งติดประกาศชัดเจนว่าอยู่ในเขตอุทยานฯ จึงเข้า ตรวจสอบ ขณะนั้น พบชายกลุ่มนี้ แสดงตัวกับเจ้าหน้าที่ว่า คนงานที่มาไถป่านั้น มารับจ้างถูกต้อง และอ้างว่าเจ้าของที่ดินขอให้เขามายืนยันว่า ที่ดินแปลงนี้มีเอกสาร สปก.

ถูกต้อง



ในที่สุดเจ้าหน้าที่อุทยานฯได้ลงบันทึกประจำวัน กรณีบุกจับคนแผ้วถางป่าแปลงนี้ ขณะที่ผู้ครอบครองที่ดินแปลงนี้ ได้ร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรมเช่นกันว่า เขาได้โฉนด

ส.ป.ก.มาถูกต้อง การไปขัดขวางไม่ให้ทำประโยชน์จึงไม่ถูกต้อง



สำหรับที่ดินแปลงพิพาทนี้ ไม่ใช่ 5แปลงที่ตกเป็นข่าว แต่เป็นแปลงที่อยู่หลังวัดเหวปลากั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกๆที่พบว่าหมุด สปก.ปักอยู่ในพื้นที่ ที่อุทยานเขาใหญ่ยึดถือมา ตลอดว่าเป็นแนวเขตอุทยาน เจ้าหน้าที่จึงได้ขยายวงสำรวจเพิ่มขึ้น จนพบหมุด สปก.รอบบริเวณนี้และกำหนดพิกัดเป็นหมุด อี 1 และ อี 5 และเมื่อนำสอง หมุดดังกล่าว มาวางทางบนแผนที่ก็ปรากฎว่าอยู่ด้านหลังวัดเหวปลากั้งจริง



อย่างไรก็ตาม การออกสำรวจหมุดของแปลงนี้ กลายเป็ดจุดเริ่มต้นให้พบหมุด สปก.อีกมากในแนวเขตต่อเนื่องถึงกัน จึงกระจายกำลังไปสำรวจและกำหนด พิกัดดาวเทียม ไม่น้อยกว่า 30 พิกัด



เมื่อเอาหมุดที่พบทั้งหมดวางกำหนดพิกัดภาพผ่านดาวเทียม ก็พบว่าหมุดสปก.สีเขียวนั้น กระจุกตัวอยู่ขวามือของภาพคือบริเวณบ้านเหวปลากั้ง ต.หมูสี เป็นต้นไป

และเมื่อตีเส้นรูปแปลงตามหมุด พบว่าแปลงหมุดอยู่ในเขตอุทยาน รวม 972 ไร่ 2 งาน 79 ตารางวา และอยู่ในพื้นที่เตรียมผนวกเป็นสปก.อีก486 ไร่ 1 งาน 74 ตารางวา รวมแปลงโฉนด สปก.ในเขตอุทยาน 1458 ไร่ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแผนผังกรมอุทยานฯ ที่อาจถูกมองว่าเป็นข้อมูลฝ่ายเดียว



แต่ข่าว 3 มิติ พบข้อมูลเชฟไฟล์หรือรูปแปลง ของสำนัดจัดการแผนที่และสารบบที่ดิน ของสปก. ที่เผยแพร่ในเวป สปก.เองก็พบรูปแปลง สปก. ตามที่ปราฎในภาพนี้ ซึ่งแปลง ก็คือตารางหรือรูปแบบสีเขียวนั่นเอง



อย่างไรก็ตาม ข่าว 3 มิติ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่สปก. ออกรูปแปลงนี้ บนพื้นฐานของข้อมูลว่านี่คือที่ดินของ ส.ป.ก.ที่ได้รับมาตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง



อย่างไรก็ตาม หากเอาแปลงที่สปก.วางรูปแบบไว้แล้วภายใต้ขอบเขตที่สปก.ยึดถือ มาซ้อนทับแผนที่ ที่กรมอุทยานยึดถือตั้งแต่ปี2505 เป็นต้นมา ก็จะพบว่าทับซ้อน กับอุทยาน ดังกล่าวฯ



นี่จึงเป็นข้อสังเกตว่า กรณีไม่ใช่แค่เพียงสปก.ในแนวเขตอุทยานฯ แต่ทับกับอุทยานฯชัดเจน แต่แผนที่ของใครทับใคร หรือใครมาก่อนนั้น คาดหวังว่าการสำรวจ ของกรมแผนที่ ทหารจะให้คำตอบได้



ย้อนกลับไปที่คำถามที่ว่าชายที่อ้างว่ามาเพื่อยืนยันแปลง สปก.ของที่ดินแปลงหลังวัดเหวปลากั้งนั้น คือใคร ข่าว 3 มิติพบว่าชายคนนี้มาปรากฎตัวสังเกตุการณ์เมื่อ วันอาทิตย์ ที่ผ่านมาในวันที่มีการสำรวจรังวัดพร้อมกัน กระทั่งมีแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า ชายคนนี้ มักแสดตัวโดยใช้นามบัตรว่าเป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนานิคม นิคมสร้างตนเองแห่งหนึ่ง แต่วงเล็บแนบท้ายว่าเป็นอดีต เป็นที่น่าสังเกตว่า ในนามบัตรระบุว่า รับปรึกษาปัญหา กฎหมายด้านที่ดิน ทุกประเภท เช่น นค.1 นค.3 ภรบ 5 ภดส. ป้าไม้ อุทยาน สปก สทก. และที่ราชพัสดุ



แหล่งข่าวยืนยันว่าชายคนนี้ ร่วมกับอีกหลายคนจัดหาที่ดินให้ผู้ต้องการ โดยกรณีนี้เป็นกลุ่มทุนที่ต้องการที่ดินทำโรงแรมหนุนหลัง ที่สำคัญ ยังพบว่ากรณี้ มีพนักงานราชการ ของหน่วยแห่งหนึ่ง ที่ทำหน้าที่รักษาป่าด้วย มีส่วนร่วมในการชี้เป้าออกโฉนด สปก.เพราะรู้ข้อมูลว่าที่ดินแปลงใดมีข้อพิพาท หรืออ่อนไหว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อตรวจสอบ ผู้ถือครองโฉนด สปก 5 แปลงล่าสุดนี้ พบว่า พี่สาวและพี่เขย ของพนักงานราชการคนนี้ มีชื่อถืออยู่ 1 แปลง และญาติของพี่เขยก็ถือครองอีก 1 แปลง กรณีนี้ตรวจสอบได้ไม่ยาก



ข่าว 3 มิติตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้มีการติดต่อเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มคนจัดหาที่ดิน และคนออกโฉนด ซึ่งเชื่อว่ามีเส้นทางเชื่อมโยงใกล้ชิดทั้งการเงิน และการสื่อสาร เช่นโทรศัพท์ หากต้องการจะทะลายกลุ่มนี้ให้ครบวงจร ก็สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินและการร่ำรวยเกินฐานะของเจ้าหน้าที่รัฐบางคนในกรณี้ได้ เพื่อทลายกลุ่มนี้ได้ทั้งขบวนการ