ค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งแตะสีแดงทั่วกทม. 'ชัชชาติ' คาดสถานการณ์คลี่คลายในสุดสัปดาห์นี้

วันนี้สภาพอากาศในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ต้องเผชิญกับค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินมาตรฐานระดับสีแดง หลายพื้นที่ โดยนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการเพื่อแก้ปัญหา ทั้งลดการก่อมลพิษ และหมอกควันในประเทศ จนถึงการเผาซากพืชในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนกรุงเทพมหานคร ก็ผู้ว่าฯประกาศให้ หน่วยงาน Work From Home วันแรก ซึ่งถ้าดูจากผลการตรวจวัด จะพบว่าช่วงเช้าจะเกินมาตรฐานสูงสุดของวัน



สภาพฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ปกคลุมทั่วกทม.ตั้งแต่เช้า มองระยะไกล จะเห็นยอดตึกไม่ชัด สภาพอากาศขมุกขมัวไปทั่วทุกพื้นที่



ขณะที่สภาพการจราจร แม้จะประกาศให้ทำงานที่บ้านวันแรก แต่สังเกตุว่า การจราจรยังหนาแน่น ในชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งอย่างที่ทราบ ควันรถยนต์เป็นแหล่งเกิดฝุ่น PM 2.5 ในกทม.



โดยศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกทม.รายงาน ช่วง 7 โมงเช้า ว่า ค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีแดง 13 เขต ส่วนเขตอื่นอยู่ในระดับสีส้ม สูงสุดอยู่ที่เขตทวีวัฒนา



ต่อมากทม.ได้แจ้งเตือน ค่าฝุ่น มีระดับสีแดงเพิ่มขึ้นเป็น 17 เขต ให้กับประชาชน ผ่าน LINE ALERT อาทิ ที่เขตคลองเตย คลองสาน คลองสามวา ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา หนองจอก ดินแดงเป็นต้น ซึ่งทั้งหมดมีค่าฝุ่นที่มากกว่า 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศ์กเมตร



ส่วนที่สำนักงานเขตคลองเตย วันแรกของการประกาศให้ Work From Home ผู้อำนวยการเขต บอกว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่กทม. ทำงานที่บ้าน 20 เปอร์เซ็นต์ ตามคำสั่งผู้ว่าฯ แต่ส่วนอื่นต้องมาทำงาน เพราะมีความจำเป็นให้บริการประชาชน ซึ่งก็ยังพบว่ามีประชาชนมาติดต่อธุระตามปกติ



นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอความร่วมมือ Work From Home กับบริษัทเอกเชน เพื่อลดการจราจรบนท้องถนน ช่วยลดฝุ่น และป้องกันปัญหาสุขภาพจากฝุ่นและเปิด จุดความร้อน ที่มาจากจุดเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ค่าฝุ่นสูง อีก 20 เปอร์เซ็นต์ มาจากการปล่อยควันรถยนต์ เชื่อว่าวันอาทิตย์นี้สถานการณ์จะคลี่คลาย



ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร สรุปผลการตรวจวัด PM2.5 ณ เวลา 12.00-14.00 น. ตรวจวัดได้ 51.6-82.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 66.2 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เกินมาตรฐานจำนวน 64 พื้นที่ อยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ 6 พื้นที่ คือ เขตบางรัก /บางกอกน้อย /บึงกุ่ม/ทวีวัฒนา/ประเวศและบางกะปิ



คาดการณ์ฝุ่น 7 วันคือระหว่าง 16 -22 กุมภาพันธ์ คุณภาพอากาศเริ่มกระทบสุขภาพ 17 เขตพื้นที่



ขณะเดียวกันนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทาง ไปกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลรายงานคุณภาพอากาศประเทศ เพื่อติดตามปัญหาฝุ่นPM2.5 หลังวันนี้หลายพื้นที่สถานการณ์ฝุ่นเป็นสีแดง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และกรุงเทพมหานคร ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนเวิร์คฟอร์มโฮมเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานสถานการณ์



นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มข้นในการบูรณาการทำงานร่วมกัน และยกตัวอย่างจังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้นแบบ ให้กับพื้นที่อื่นๆ บอกว่า ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือจากฝั่งลาวและเมียนมา ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานความร่วมมืออยู่



นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี บอกว่าจะสั่งการไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทยให้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ส่วนระยะยาวจะต้องเร่งดำเนินการให้องค์ความรู้กับเกษตรกร หรือในพื้นที่กทม. ปัญหาหนึ่งใน 3 เกิดจากปัญหาควันจากรถยนต์ ขณะนี้การแก้ปัญหาระยะสั้น กทม. ให้เวิร์คฟอร์มโฮม ส่วนระยะยาวอาจจะต้องมีการย้ายสถานที่ โดยเฉพาะที่ที่มีการปล่อยอากาศเสียออกมา



--- INS 9 ---

นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร บอกว่า กรมฝนหลวงและการการบินเกษตร ได้ดำเนินการ ตั้งแต่ เดือน ธันวาคมที่ผ่านมา มีการขึ้นบินทุกวัน ซึ่งช่วยให้ฝุ่นไม่รุนแรงมากนัก ในช่วงสัปดาห์นี้ แก้ปัญหาได้ยาก เพราะ การเผาในพื้นที่นอกประเทศ มีความรุนแรงมากขึ้น 2-3 เท่า จากปกติ รวมถึงสภาพอากาศจากฝั่งทิศตะวันออก ก็พัดหมอกควันมาจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าพื้นที่ กทม. โดยตรง ซึ่งในช่วงนี้กรมฝนหลวง จึงยังคงเร่งปฎิบัติการณ์ เช่นเดิม เพื่อบรรเทาสถานการณ์และให้ฝุ่นลอยขึ้นอากาศให้เร็วที่สุด แต่เนื่องจากเครื่องมือและอุปกรณ์ของกรมฝนหลวงมีน้อย จึงทำได้เพียงระดับหนึ่ง แต่ยืนยันว่า กรมฝนหลวงจะพยายามติดตามและบรรเทาสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ก็จะปฎิบัติการบินเพื่อทำฝนเทียม ซึ่งภายใน 1-2 วัน คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น