ชาวบ้านร้อง กกพ. ตรวจสอบการเปิดเวทีรับฟังความเห็นโรงไฟฟ้าฯ หลังถูกขัดขวางไม่ให้รับฟัง-แสดงความเห็น

ชาวบ้านจากจังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี และระยอง ยื่นหนังสือให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. รวมถึงกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตรวจสอบการเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ ซึ่งไม่ชอบตามระเบียบของคณะกรรมการกำกับกิจากรพลังงาน โดยระบุว่าถูกขัดขวางไม่ให้รับฟัง หรือแสดงความเห็นต่าง ในเวทีรับฟังความเห็น ซึ่งถือว่าละเมิดสิทธิของการรับรู้ข้อมูล และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่


ตัวแทนชาวบ้านจากจังหวัดปราจีน ระยอง และชลบุรี นำหนังสือร้องเรียนไปยื่นให้คณะกรรมการสิทธิมนุยชนแห่งชาติ เพื่อขอให้ตรวจสอบการเลือกปฎิบัติ การละเมิดสิทธิ การปิดกั้นการมีส่วนร่วมในการรับฟังความเห็น ในโครงการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม โดยเฉพาะที่จังหวัดปราจีน จะมีโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 3 โรง ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคกบินทร์ ของบริษัท กรีน แคร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด บริษัท มี พรีม เอนเนอร์ยี่ จำกัด และบริษัท พราวฟ้า พาวเวอร์ จำกัด


ซึ่งตัวแทนกลุ่มปราจีนบุรีเข้มแข็ง ระบุว่ากระบวนการรับฟังความเห็นจากคนในพื้นที่ซึ่งมีส่วนได้เสียโดยตรงไม่ตรงไปตรงมา เพราะไม่ว่าจะเป็นเวทีที่ปราจีนบุรี ระยอง หรือชลบุรี ต่างก็ถูกขัดขวางจากฉกรรจ์ ไม่ให้เข้ารับฟังหรือแสดงความเห็น ทำให้เวทีดังกล่าวไม่ถูกต้องตามระเบียบ


ตัวแทนชาวบ้านจากปราจีนบุรี ได้นำเสนอข้อมูลที่เป็นข้อสังเกตุโครงการและเป็นข้อกังวลของชาวบ้าน โครงการนี้จะมีการตั้งโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนคือขยะอุตสาหกรรม เพื่อใช้ในนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ซึ่งกำหนดไว้เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่มากเกินไป และปรากฎว่ามีผุ้มาตั้งโรงไฟฟ้าขนาด 9.90 เมกะวัตต์ แต่มีจำนวน 3 โรง ในพื้นที่ติดกัน รวมเนื้อที่ กว่า 60 ไร่


ชาวบ้านมองว่าแม้โรงงานตั้งอยู่ในเขตนิคมฯ แต่ก็อยู่ชายขอบของเขตแดน ติดกับพื้นที่ชุมชน จึงกังวลผลกระทบที่เกิดขึ้น และยังตั้งข้อสังเกตุว่าโรงไฟฟ้าทั้ง 3 ตั้งอยู่พื้นที่ติดกัน และมีบริษัทใหญ่รายเดียวกันเป้นผู้ถือหุ้นนั้น จะเป็นไปตามเจตนาที่ต้องการให้เกิดโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ไม่เกิดผลกระทบจากชาวบ้านหรือไม่


ตัวแทนชาวบ้านจากระยอง และชลบุรีก็สะท้อนปัญหาแบบเดียวกัน คือไม่ได้แสดงความเห็นอย่างโปร่งใส เต็มที่ และระบุว่าหากนำข้อมุลโรงไฟฟ้าทั้งที่ชลบุรี ระยอง และปราจีนบุรี ทั้ง 10 บริษัทมาตรวจสอบ จะพบว่าอยู่ภายใต้ร่วมใหญ่ของบริษัทเดียวกัน จึงเรียกให้ทั้งกกพ. และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พิจารณยกเลิกโรงไฟฟ้าดังกล่าว


ขณะที่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยกับชาวบ้านว่าจะพิจารณาเรื่องนี้ตามขั้นตอนโดยเร็ว เพราะทั้งการรู้ข้อมูลและสิทธิที่จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของหลักสิทธิมนุษยชน


เมื่อเช้านี้กลุ่มชาวบ้านไปยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง ที่สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน และได้แสดงความห่วงใยต่อกรณีนี้โดย กกพ.ระบุว่าะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อ บอร์ด หรือคณะกรรมการ กกพ. โดยเร็วเช่นกัน