สังคม
ยกฟ้อง 'ทุนมินลัต' และพวก คดีค้ายาเสพติด ชี้หลักฐานไม่มีน้ำหนัก
โดย panwilai_c
30 ม.ค. 2567
88 views
ศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้อง นาย ทุนมินลัตและนายดีลยัง พร้อมพวกอีก 2 คน ในข้อหาร่วมกันสนับสนุนกัน กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การฟอกเงิน และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
จำเลยประกอบด้วยนาย ทุนมินลัต ,นายดีน ยัง ลูกเขยของนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา, น.ส.น้ำหอม ,น.ส.ปิยะดา และบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด มีความผิดฐานร่วมกันสนับสนุนการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มีลักษณะเป็นความผิดร้ายแรง องค์กรอาชญากรรม
เครือข่ายยาเสพติดทั้งหมด 6 เครือข่าย ที่ถูกตำรวจจับกุม และบางส่วนยังหลบหนีได้ถุกศาลตัดสินไปแล้ว โดยกลุ่มผู้ต้องหา 1 ใน 6 เครือข่าย ที่มีหน้าที่ดูแลบัญชีเงินยาเสพติด ได้โอนเงินไปยังบัญชีม้า จำนวน 500 บัญชี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบว่ามี 22 บัญชีได้โอนไปชำระค่ากระแสไฟฟ้า ผ่านบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป และบางบัญชีได้โอนโดยตรงไปชำระค่ากระแสไฟฟ้า
โดยศาลได้พิจารณาตามคำฟ้องของอัยการโจทย์แล้ว เห็นว่า จากการนำสืบของ พยานโจทก์ซึ่งเป็น กลุ่มเครือข่ายยาเสพติดทั้ง 6 กลุ่มให้การยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับจำเลยทั้ง 5 มาก่อนและในขณะจับกุมกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดจำเลยทั้ง 5 ก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
เมื่อพิจารณา จากคำเบิกความ ของพยานบุคคล จากกลุ่มธุรกิจต่างๆ ที่มาเบิกความต่อศาล สอดคล้องต้องกัน ว่าเป็นลูกค้าที่ใช้บริการโอนเงิน เพื่อชำระค่าสินค้าที่ซื้อไป บางรายใช้วิธีการโอนเงินมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นช่วงสถานการณ์โควิด ที่ด่านชายแดนตรวจคนเข้าเมืองปิดไม่สามารถเดินทางไปมาระหว่างกันได้
เชื่อว่าร้านแลกเปลี่ยนเงินตรา มีผู้มาใช้บริการถึง 500 บัญชี และมี 22 บัญชี ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่มาใช้บริการร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งตัวแทนบริษัทเมียนมาร์อัลลัวกรุ๊ป ก็ใช้บริการบัญชีเงินฝากร้านแลกเปลี่ยนเงินตราเดียวกันนี้ด้วย ซึ่งทำให้คณะพนักงานสวนสวนเข้าใจผิด และทำให้แนวทางการทำคดีเบี่ยงเบนไป แม้ในช่วงที่จำเลยที่ 1-4 ถูกจับกุม ทางบริษัทของกลุ่มจำเลย ก็ยังใช้วิธีการชำระเงินแบบเดิม ซึ่งผิดปกติวิสัยว่าหากถูกจับกุม ในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดแล้วจะใช้วิธีการเดิมในการชำระเงิน
ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกเขยนายอุปกิต ได้ถูกเชิดให้เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทอันลัวกรุ๊ป ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้ไม่ต้องโดนตรวจสอบ เป็นเพราะความมักง่ายใน การทำธุรกิจไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลปกปิดเพราะเป็นสว. หลีกเลี่ยงการตรวจสอบเกี่ยวกับการทำธุรกิจแต่ก็ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด พิเคราะห์แล้วไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยทั้ง 5 ร่วมกันทำผิด เกี่ยวกับการสมคบค้ายาเสพติด และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พยานหลักฐานของจำเลยสามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ทั้งหมด พิพากษายกฟ้อง
นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานนอสส.เผยว่า เมื่อศาลอาญายกฟ้องจำเลยทุกคน ทุกข้อหา ทางสำนักงานอัยการคดียาเสพติดจะไปคัดคำพิพากษามาวิเคราะห์แล้วเสนออัยการสูงสุดพิจารณาสั่งว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ เพราะเป็นคดีความผิดเกิดนอกราชอาณาจักรเป็นอำนาจของอัยการสูงสุด แต่เพียงผู้เดียว ถ้าเห็นพ้องกับศาลก็อาจไม่อุทธรณ์ก็ได้โดยมีระยะเวลาอุทธรณ์ 1 เดือน