ป.ป.ส.จัดเสวนา ระดมความเห็นหลายภาคส่วน หาแนวทางควบคุมการใช้กัญชา-กระท่อม

ป.ป.ส. ได้จัดเสวนา เพื่อระดมความเห็นจากเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาชน เพื่อหาแนวทาง ที่รัฐบาลชุดนี้ จะเร่งออกกฎหมาย ควบคุมพืชทั้งสองชนิด โดยอาจไปถึงขั้นนำกลับสู่บัญชียาเสพติดอีกครั้งก็เป็นได้



ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2564 พืชกระท่อม ได้ถูกยกเลิกจากการเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ต่อมาวันที่ 9 มิถุนายน ปีที่แล้ว กัญชาก็ถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติด โดยรัฐบาลชุดที่แล้ว ได้เสนอกฎหมายเพื่อควบคุมการใช้กัญชา แต่กฎหมายฉบับดังกล่าว ถูกตีตกไปในการพิจารณาของสภา ทำให้การบริโภคกัญชาทุกวันนี้ ไม่ต่างจากการใช้กัญชาแบบเสรี ขณะที่พืชกระท่อม ก็มีการต้มขายกันอย่างเกิดเผย โดยไม่จำกัดพื้นที่ และอายุผู้บริโภค ทำให้วันนี้ ป.ป.ส. ได้จัดเสวนา เพื่อระดมความเห็นจากเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาชน เพื่อหาแนวทาง ที่รัฐบาลชุดนี้ จะเร่งออกกฎหมาย ควบคุมพืชทั้งสองชนิด โดยอาจไปถึงขั้นนำกลับสู่บัญชียาเสพติดอีกครั้งก็เป็นได้



การเสวนาเรื่องมุมมองและเสียงสะท้อน ภายหลังกัญชา กระท่อม ออกจากกฎหมายยาเสพติด จัดขึ้นโดยกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. โดยมีวิทยากรประกอบด้วย อดีตประธานคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ แห่งสหประชาชาติ นักกฎหมาย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านยาเสพติด และพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม



นายวิโรจน์ สุ่มใหญ่ อดีตประธานคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ ระบุว่า ในโลกนี้ มีเพียง 3 ประเทศ ที่ยอมให้ใช้กัญชากันอย่างเสรี โดยไม่มีการควบคุม เริ่มจากอุรุกวัย และแคนาดา ซึ่งเขาได้เคยมีส่วนให้ทั้งสองประเทศ รายงานปัญหา และแนวทางที่จะทำให้เกิดการควบคุม ส่วนประเทศที่สาม คือ ประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของนักกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด



ส่วนผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ จากสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี และจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อมูลว่า พบข้อมูลผู้เสพกัญชา และกระท่อม ที่มารับการรักษามีอัตรามากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ



ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรม จะจัดเสวนา เพื่อระดมสมอง ก่อนนำไปสู่การเสนอร่างกฎหมาย ในการควบคุมกัญชา และออกกฎกระทรวง หรือกฎหมาย เพื่อควบคุมพืชกระท่อม โดยรัฐบาลจะดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยภายใน 1 ปี



รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้กล่าวถึงเฉพาะกัญชาด้วยว่า การจะนำกัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการระดมความคิดจากภาคส่วนต่างๆ ในสังคม แต่สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการก่อนคือ การออกกฎหมายออกมาควบคุมให้กัญชา ใช้ได้เฉพาะเพื่อการแพทย์ และการวิจัยเท่านั้น