นายกฯ กำชับ ผบ.ตร.เร่งสางคดี 'ป้าบัวผัน' ย้ำทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมาย

นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สะสางคดีแก๊งเยาวชนที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ร่วมฆาตกรรมนางสาวบัวผัน แล้วตำรวจที่ทำคดี ไปบังคับให้นายเปี๊ยก สามี รับสารภาพเป็นแพะแทนผู้ก่อเหตุตัวจริง ขณะที่เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผบ.ตร.พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 2 นาย บินด่วนไปที่สระแก้ว เรียกประชุมพนักงานสอบสวนและผู้เกี่ยวข้อง กำชับให้เร่งรัดดำเนินคดีตรงไปตรงมา



นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีกลุ่มเยาวชน ที่จังหวัดสระแก้ว ทำร้ายนางสาวบัวผัน ตันสุ จนเสียชีวิต โดยได้กำชับไปกับพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าเรื่องนี้ต้องไปถึงรากฐานที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วไม่เหมาะสมก็ต้องจัดการให้ได้ ก่อนย้ำว่าต้องสืบให้จบ และที่สำคัญต้องแถลงข่าวให้ประชาชนทราบว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร แท้จริงมันคืออะไร นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมาย



เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจเอกธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะทำงานขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินด่วนลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อเร่งรัดติดคดี



พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า จะลงพื้นที่ไปรับฟังข้อเท็จจริงกรณีเยาวชนกลุ่มนี้ ตลอดจนเยาวชนในแก๊งรายอื่น ที่ก่อความรุนแรงสะสมมานานหลายคดี ซึ่งจะต้องไล่ตรวจสอบย้อนหลังในทุกคดีทั้งหมดที่มีเบาะแส และเชิญผู้เสียหายแต่ละคดีมาสอบปากคำ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน แม้จะเป็นคดีเก่าที่เกิดนานแล้ว แต่เชื่อว่าพนักงานสอบสวนมีแนวทางในการรวบรวมหลักฐานเพื่อเอาผิดกับผู้ก่อเหตุได้ นอกจากนี้จะต้องไปพิจารณาข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับผู้ปกครองเด็กที่ปล่อยปละละเลยบุตรหลานด้วย



ส่วนการดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนที่บังคับให้นายเปี๊ยกรับสารภาพนั้น จะต้องตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดก่อนที่จะมีการชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบ โดยเฉพาะประเด็นคลิปเสียงการสนทนาของชายที่คาดว่าเป็นตำรวจยศพันตำรวจตรี และพันตำรวจโท รวมถึงดาบตำรวจ เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อพิสูจน์ทราบว่าเป็นคลิปจริงหรือไม่ ซึ่งจะต้องเรียกบุคคลที่คาดว่าเป็นเจ้าของเสียงมาสอบปากคำว่าพูดจริงหรือไม่ ยืนยันว่าหากมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะต้องดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัย



ด้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกว่า จากการตรวจสอบพฤติกรรมการก่อเหตุของกลุ่มเยาวชนที่ก่อเหตุ เบื้องพบว่ามีคดีค้างเก่าไม่น้อยกว่า 5-6 คดี ทั้งคดีกระทำชำเรา รุมโทรมหญิง ทำร้ายร่างกาย แต่ไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ก่อเหตุเลย ซึ่งตอนนี้คณะทำงานพบผู้เสียหายแล้ว และจะต้องเชิญผู้เสียหายทั้งหมดมาให้ข้อมูล แม้คดีจะผ่านมานานแล้วก็ตาม

ยืนยันคดีทั้งหมดผู้เสียหายต้องได้รับความเป็นธรรม