จิตแพทย์ เผยสถิติคนไทยจบชีวิตพุ่งสูง แนะสังเกตคนใกล้ตัวเสี่ยงซึมเศร้า

จิตแพทย์ แนะนำ ให้คนในครอบครัว สังเกตความผิดปกติ ของลูกหลานและคนใกล้ชิดให้มากขึ้น หลังมีสถิติประชาชน ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ ที่สมาชิกในครอบครัวจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากัน



จดหมายที่เขียนไว้ทำให้ทราบว่า หญิงสาวที่ตัดสินใจจบชีวิตเครียดจากการถูกฉ้อโกงโดยถูกแอปดูดเงินเป็นจำนวน 3 ล้านบาท และยังติดหนี้นอกระบบ และเมื่อเช้านี้ก็พบศพแม่และลูกชายกลับไปบ้าน ลำปาง ตัดสินฆ่าตัวตายทั้งคู่เช่นกัน อีกทั้ง มี ตำรวจ ยศ พ.ต.ต สังกัดกองกำลังพล ก็ฆ่าตัวตายโดยยังอยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัด โดยก่อนหน้านี้ก็ภายในสัปดาห์เดียวยังมีนักษาแพทย์เลือกจบชีวิต 2 คนแม้จะไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่สว่นหนึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า มาจากปัญหาโรคซึมเศร้าร่วมด้วย



จากผลวิจัย หากมีอัตราการฆ่าตัวตายสูง จากประชากร 1.8 แสนคน เป็นซึมเศร้า 38 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเริ่มน่าวิตก และพบอายุต่ำสุดคือ 11 ขวบ และในช่วง 3 ปี ที่คนไทยตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้มีตัวเลขของโรคซึมเศร้า นำไปสู่การจบชีวิตสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นนร.มัธยมที่ซื้อไอเพดทางออนไลน์แต่ไม่ได้สินค้า ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ ผอ.รพ.แบงค็อก เมนทัลเฮลท์ กล่าวว่า แนวโน้ม ในอีก 3-7 ปีข้างหน้า ในยุคสังคมก้มหน้า โรคซึมเศร้าจะขึ้นมานำหน้าโรคชนิดอื่นๆ



ส่วนสาเหตุเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยเกี่ยวข้องกับการทำงานของสารเคมีในสมอง และมีตัวกระตุ้นเป็นความล้มเหลว ความผิดหวัง และความไม่เข้าใจของคนใกล้ชิด หลายประเทศทั้งทั้งญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน มีผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าสูง จนตั้งชุดคณะกรรมการชาติ ขึ้นมาทำโปรแกรม ให้ลดอัตราการฆ่าตัวตายลง



เทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึง จึงให้ครอบครัวเริ่มสังเกตคนใกล้ชิด เพราะคนส่วนใหญ่จะรับรู้ถึงอารมณ์แห่งความสุข ในปีใหม่ที่จะมาถึง หากคนใกล้ชิด มีความเสี่ยง ซึ่งบางคนก็มีอาการไม่ชัดเจน เพราะอาจร่าเริงสลับกับซึมเศร้า ก็ให้ใส่ใจเป็นพิเศษเพราะเจ้าตัวอาจรู้หรือไม่รู้ตัวก็ได้