ยะลาเดือดร้อน 7 อำเภอจากแม่น้ำสายบุรี ได้รับความเสียหาย ไฟฟ้าถูกตัดขาด-ผู้ว่าฯ อยู่ระหว่างให้การช่วยเหลือ

จังหวัดยะลา มีแม่น้ำสายบุรีไหลผ่านบางอำเภอ และแม่น้ำปัตตานี ที่เอ่อล้นตลิ่ง ก็หลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ ขณะที่ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ระบุว่าน้ำที่หลากท่วมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ตอนนี้ ต้องใช้เวลาเกือบ 2 สัปดาห์จึงจะระบายได้ทั้งหมด


ชาวตำบลอาซ่อง อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ยังคงได้รับผลกระทบหนักจากอุทกภัย ที่น้ำในแม่น้ำสายบุรีหลากท่วม โดยเฉพาะกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรง ทำให้บ้านเรือนตามเส้นทางน้ำหลากได้รับความเสียหาย ระบบไฟฟ้าถูกตัดขาด


นอกจากนี้ หลายหมู่บ้านของตำบลบาลอ อำเภอรามัน ก็มีทั้งเด็ก และผู้ป่วยติดเตียง รวมถึงผู้สูงอายุที่ติดอยู่ในบ้าน ทำให้หน่วยกู้ภัยและตำรวจได้จัดเรือยนต์เข้าไปช่วยเหลือ นำพาออกมาอยู่ที่ปลอดภัย โดยตอนนี้หลายครอบครัวที่ออกมาได้แล้วบางส่วนอพยพไปอยู่กับญาติ และส่วนใหญ่ขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม


นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ระบุว่ามีพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 7 อำเภอ จำนวน 27,714 คน หนักที่สุดคืออำเภอรามัน ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งให้การช่วยเหลือ


นอกจากนี้ พื้นที่เชิงเขาหลายแห่ง เช่นตำบลตาเนาะปูเตะใน และตำบลตลิ่งชัน อำเภอบันนังสตา จ.ยะลา ก็เดือดร้อนจากการที่น้ำป่า และดินโคลนถล่มทับเส้นทางเข้าออกหมู่บ้าน ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น และสัญญาณโทรศัพท์ขัดข้อง จนสื่อสารร้องขอความช่วยเหลือได้ลำบาก ขณะนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำลังสำรวจความเสียหายและแก้ปัญหาเรื่องการสื่อสารเบื้องต้นก่อน


วันนี้เขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา เปิดเผยข้อมูลปริมาณน้ำ เมื่อ 6 โมงเช้าวันนี้ อยู่ที่1,235 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 85 ของความจุอ่าง ยังรับน้ำได้อีกราว 1,454 ล้านลูกบาศก์เมตร


สำหรับที่ปัตตานี พื้นที่ได้รับผลกระทบหนักสุดขณะนี้อยู่ที่อำเภอแม่ลาน โดยเฉพาะชุมชนบ้านปลักปลือ บ้านคูระ บ้านม่วงเตี้ย ตำบลม่วงเตี้ย ซึ่งมีประชากรกว่า 500 หลังคาเรือนอาศัยอยู่ และเป็นพื้นที่ถูกน้ำหลากเข้าท่วมชุมชนอย่างหนัก ขณะนี้หน่วยงานในพื้นที่เร่งเข้าไปช่วยเหลือ เพราะจะยังมีน้ำจากต้นน้ำปัตตานีไหลมาสมทบต่อเนื่อง


กรณีฝนตกหนักและน้ำท่วมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ยืนยันว่ามาจากฝนตกหนักสะสม 500-600 มิลลิเมตร เป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และตามแบบจำลอง คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จึงจะระบายได้หมด ระหว่างนี้ยังกังวลว่าวันที่ 28 ถึง 30 ธันวาคมนี้ ยังมีฝนตกหนักมาเพิ่มอีก จึงต้องวางแผนระบายน้ำให้ดี


ล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 16 ระบุว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณจังหวัดพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย