ปปง. แถลง ยึดทรัพย์หมูเถื่อนและคดีสำคัญกว่า 1,100 ล้านบาท ยังไม่พบ 'นักการเมือง' เอี่ยว

วันนี้กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร ไปยื่นหนังถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้เอาจริงกับการปราบปราม หมูเถื่อนและเร่งฟื้นฟูอาชีพผู้เลี้ยงสุกรที่ได้รับผลกระทบจากหมูเถื่อนซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะปราบปรามจริงจัง ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู ขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปราม การฟอกเงินแถลงยึดทรัพย์คดีสำคัญกว่า 1,100 ล้านบาท หนึ่งในนั้น คือยึดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหาหมูเถื่อน เพิ่มอีก 37 ล้านบาท รวมสองครั้ง กว่า 90 ล้านบาทแล้ว


คดีปราบปรามการนำเข้าหมูเถื่อน เป็นหนึ่งใน 35 คดีสำคัญ ที่สำนักงาน ปปง.แถลงวันนี้ถึงการยึดทรัพย์รวม 1,191 ล้านบาท และอยู่ระหว่างตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มอีก 31 รายคดี /เฉพาะกรณีนำเข้าหมูเถื่อน ปปง.ยึดอายัดครั้งแรก 24 รายการ มูลค่ารวม 53 ล้านบาท และล่าสุดยึดอายัดอีก 28 รายการ ทั้งที่ดิน รถยนต์ และเงินฝาก รวม 37 ล้านบาท หากรวม 2 ครั้งจะเป็นการยึดมาแล้วถึง 90 ล้านบาท จากกลุ่มผู้นำเข้า ผู้อยู่เบื้องหลังและเครือข่าย


ข่าว 3 มิติ ได้รับการยืนยันว่าผู้ที่ถูกยึดอายัดทรัพย์ ยังไม่รวมเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ถูกดำเนินคดีและสำนวนส่งปปช.ไปแล้ว ส่วนอีก 2 สองสำนวน ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐอีกข้องก็อยู่ระหว่างรวบรวม เพื่อส่งปปช.อีกครั้ง จนถึงขณะนี้ ดีเอสไอ แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาไป 12 คน จะออกหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาอีก 1 คน ในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลใดเชื่อมโยงไปถึงนักการเมือง และไม่ได้รับมอบรายชื่อผู้เกี่ยวข้องจากกระทรวงเกษตรฯแต่อย่างใด


อย่างไรก็ตาม หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนเปิดเผยว่า จากเอกสารพบว่ากลุ่มผู้นำเข้าหมูเถื่อนรายหนึ่ง ที่สำแดงสินค้าเป็นตับหมูแช่แข็ง เพื่อมาขายต่อให้ห้างในประเทศ ได้หลบเลี่ยงภาษีศุลกากร ด้วยการแบ่งเงินบางส่วนให้ตัวแทนหรือเอเย่นต์จ่ายให้ และอีกส่วนที่น้อยกว่าก็จ่ายผ่านธนาคาร จากนั้นนำส่วนที่จ่ายน้อยกว่ามาสำแดงภาษี เพื่อจะได้จ่ายภาษีอากรน้อยกว่าความเป็นจริง


ข้อมูลเทียบเคียงกับตัวเลขจริงที่ผู้นำเข้ารายหนึ่ง สั่งตับหมูแช่แข็งน้ำหนัก 24 ตัน ซึ่งราคาจริงตามเรทเงินไทย คือ 867,010 บาท แต่ผู้นำเข้ารายนี้โอนเงินให้เอเจ้นท์จ่ายให้ก่อน โดยโอน 2 ครั้ง พร้อมบอกเบี้ย เป็นเงิน529610 บาท จากนั้นก็จ่ายผ่านธนาคารอีก 1 ยอดโดยไม่ผ่านเอเจ้นท์ เป็นเงินรวม 337,400 บาท จะเห็นว่าหากรวมราคาสองสวนนี้จะเท่าราคาจริงคือ 867,010 บาท แต่ผู้นำเข้ารายนี้ นำเอายอดเงินเฉพาะที่จ่ายผ่านธนาคาร 337,400 มาสำแดงการนำเข้าซึ่งจะเสียภาษีร้อยละ 30 ของมูลค่าสินค้า จึงเสียภาษีอากร 101,220 บาท ทั้งที่หากสำแดงตามจริง 867,010 บาท จะต้องเสียภาษีอากร 260,103 บาทต่อตู้ โดยยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 และรายการจ่ายอื่นๆ ขณะที่ข้อมูลการนำสำแดงการนำเข้าลักษณะนี้มีอย่างน้อย 2,388 ตู้


นายกรัฐมนตรี เปิดเผยที่ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ยืนยันเอาจริงกับการปราบปรามหมูเถื่อน โดยยืนยันว่าไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่


วันนี้สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ พร้อมสมาชิกยื่นข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเร่งปราบปรามหมูเถื่อน และผลักดันมาตรการอื่นๆ ทั้งสินเชื่อ และลดภาษีสินค้าอาหารสัตว์ที่นำเข้า เพื่อลดต้นทุนการเลี้ยงสุกรในประเทศ ซึ่งหากต้นทุนต่ำลง ก็ทำให้ไม่จำเป็นต้องขึ้นราคาเนื้อหมูจนกระทบกับผู้บริโภคได้