สังคม

'บิ๊กโจ๊ก' สั่งสอบ 3 ตร. ปมชาวเยอรมันอ้างจ่ายสินบนแลกปล่อยตัว คดีซื้อกามเด็ก

โดย panwilai_c

6 ธ.ค. 2566

137 views

ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวเนื่องจากกรณีสื่อเยอรมัน ตีเเผ่ขบวนการค้ามนุษย์ ในรูปเเบบค้าประเวณีเด็กในพื้นที่เมืองพัทยา ซึ่งตามรายงานข่าวชิ้นนี้ ได้อ้างอิงข้อมูลจากผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ที่เคยถูกตำรวจขยายผลเข้าจับกุม เเละกล่าวหาซื้อบริการเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยอ้างกับสื่อเยอรมันว่า ได้จ่ายสินบนกว่า 1 ล้านบาท ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐของไทย เพื่อแลกกับการปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนจะเดินทางหนีออกนอกประเทศ ล่าสุด รองผบ.ตร. พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ได้แถลงความคืบหน้าเรื่องนี้ โดยจะแยกการสอบสวนเป็น 2 ส่วน ทั้งกรณีสินบน เเละความบกพร่องทางวินัยของเจ้าหน้าที่



พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็กฯ ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า เรื่องนี้จะต้องแยกการสอบสวนเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือเรื่องความบกพร่องทางวินัย หลังพบว่าตอนจับกุมผู้ต้องหาชาวเยอรมัน และชาวอเมริกันในคดีนี้ ตำรวจไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ



เพราะกรณีจับกุมผู้ต้องหาต่างชาติ จะต้องแจ้งกองการต่างประเทศให้รับทราบ เพื่อให้แจ้งไปยังสถานทูตของประเทศนั้น ๆ ว่ามีพลเมืองมากระทำผิดในราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังพบว่า ชุดจับกุมไม่ได้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้เพิกถอนวีซ่าผู้ต้องหา ซึ่งตามระเบียบจะต้องดำเนินการ เผื่อกรณีผู้ต้องหาได้ประกันตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตม.ก็จะอายัดตัวมาที่ห้องกักของ ตม.ได้ เพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ และตม. จะนำตัวผู้ต้องหาไปศาลตามนัด เมื่อเสร็จสิ้นก็จะนำกลับมากักต่อจนกว่าคดีจะสิ้นสุด



เเละยังพบอีกว่า ตอนนำตัวผู้ต้องหา 2 คน ส่งฝากขังต่อศาล ก็ไม่ได้ยื่นคัดค้านการประกันตัว ทั้งที่ 2 คนนี้ถูกแจ้งข้อหนักและเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเชื่อได้ว่าจะมีพฤติการณ์หลบหนีอย่างแน่นอน



ผลที่ตามมาก็คือ ศาลใช้ดุลพินิจในการให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสอง จึงทำให้ผู้ต้องหาทั้งสองไม่ถูกฝากขัง หลังจากนั้นผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ก็ขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกประเทศ โดยอ้างว่ามีความจำเป็นทางธุรกิจต้องกลับไปที่เยอรมัน ส่วนผู้ต้องหาชาวอเมริกัน เนื่องจากไม่ได้ถูกกักตัวที่ ตม.ตั้งแต่แรก จึงเดินทางหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ด้วยช่องทางธรรมชาติ



การสอบสวนในส่วนที่ 2 คือการดำเนินคดีอาญาเรื่องการรับเงินสินบน จากการสอบปากคำทนายความผู้ต้องหาชาวเยอรมัน ให้การว่า ได้รับเงินมาจากชาวเยอรมันจำนวนล้านกว่าบาทจริง แต่เป็นค่าประกันตัวและดำเนินการทางศาล โดยไม่ทราบว่าชาวเยอรมันให้เงินสินบนกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ส่วนตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ เบื้องต้นให้การปฏิเสธ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรับรู้เรื่องการให้เงิน



ส่วนการดำเนินคดีทั้งสองส่วนนั้น พ.ล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า จะต้องดำเนินการสอบสวนทั้งทางวินัยและคดีอาญากับ ผกก.สภ.เมืองพัทยาในช่วงเวลานั้น ร่วมกับ รอง ผกก.สอบสวน และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี รวม 3 คน ส่วนทางวินัย ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ดำเนินการสอบตำรวจทั้ง 3 นายแล้ว



เเละจะต้องนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน กลับมาดำเนินคดี เบื้องต้นได้สั่งการให้ ผู้กำกับการ สภ.เมืองพัทยา เร่งขอหมายแดง เพื่อดำเนินการให้ตำรวจสากลติดตามนำผู้ต้องหา กลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด



พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะนำตัวชาวเยอรมันกลับมาดำเนินคดีที่ไทย เพราะที่ประเทศเยอรมัน มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพพลเมืองสูงมาก แต่ถึงแม้จะไม่ส่งตัวผู้ต้องหากลับมา ตำรวจไทยก็จะต้องส่งข้อมูลและหมายแดงให้ทางการเยอรมัน เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้แทน



เรื่องนี้ส่งผลต่อการจัดอันดับการค้ามนุษย์ของไทยพอสมควร ขณะนี้เตรียมนัดหมายกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่ออธิบายเรื่องดังกล่าวแล้ว รวมทั้งเรื่องการติดตามตัวผู้ต้องหาชาวอเมริกันกลับมาดำเนินคดีด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News