ไม่รอด! ตร.บุกจับหนุ่มเปิดอู่ซ่อมรถบังหน้า ที่แท้เป็นผู้สั่งการส่งยานรกผ่านพัสดุลง 3 ชายแดนใต้

ยาเสพติดที่นำเข้ามาจากชายแดนด้านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงสู่ภาคกลาง พบว่ามีการกระจายลงสู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยวิธีการส่งทางพัสดุเอกชนครั้งละจำนวนมาก หลังจากตำรวจกองปราบปรามได้จับกุมผู้รับพัสดุปลายทางในภาคใต้ได้ พบว่ามีการใช้ชื่อปลอมในการส่ง แต่ในที่สุดสามารถพบผู้ส่งพัสดุตัวจริง เปิดอู่ซ่อมรถบังหน้าอยู่ ที่จ.ปทุมธานี


ตำรวจกองกำกับการ6 กองปราบปรามแกะรอยตามกลุ่มเครือข่ายที่ทำหน้าที่รับพัสดุยาเสพติด ที่ส่งไปยัง จ.ยะลา โดยต้นทางมาภาคกลาง หลังจากสืบทราบว่ามีการส่งผ่านบริษัทขนส่งพัสดุภัณฑ์เอกชนล็อตใหญ่ ครั้งละไม่ต่ำกว่า 2 แสนเม็ดหลายครั้ง


อีกทั้งยังเข้าจับกุมผู้ต้องหาอีกราย ได้ที่ปั้มน้ำมัน แห่งหนึ่ง ในจ.ยะลา ซึ่งทำหน้าที่เปิดบัญชีรับโอนเงินในให้กับเครือข่ายยา


โดยการตรวจค้นยังพบว่า เครือข่ายนี้ได้นำรถยนต์ มาซุกซ่อนไว้ที่บ้านญาติ ในจ.ยะลา ซึ่งเป็นรถยนต์ดัดแปลงสภาพ จากการระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยลักลอบส่งทางพัสดุเอกชนครั้งละจำนวนมาก แบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงได้สืบหาต้นทาง กระทั่งพบว่าผู้ส่งยาเสพติด มาจากจังหวัดปทุมธานี แต่ใช้ชื่อบัตรประชาชนปลอมในการจัดส่ง


ตำรวจกองกำกับการ 6 กองปราบปราม ใช้เวลาในการสืบสวนร่วม 4 เดือน กระทั่งพบว่า ยาล็อตใหญ่ ที่ส่งพัสดุเอกชนไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แท้จริงแล้ว มีนายเจริญ เป็นผู้สั่งการ ตำรวจจึงได้นำกำลังบุกเข้าจับกุม นายเจริญ อายุ 32 ปี ได้ที่อู่ ซ่อมรถ ในจ.ปทุมธานี ซึ่งเปิดไว้บังหน้า มาตั้งแต่ปี 2562

หลังจากที่นายเจริญ พ้นโทษในคดียาเสพติดก็ ย้ายจากจ.ยะลา มาอยู่ที่ ปทุมธานี คาดว่าเพื่อให้ง่ายต่อการเป็นจุดศูนย์กลางในการลำเลียงและกระจายยาเสพติดและจากการค้นภายในอู่ ยังพบของกลางเป็นยาเสพติด ที่อยู่ในสภาพซีลปิดไว้อย่างดี เตรียมพร้อมจัดส่งทางพัสดุ ลงภาคใต้อีก8 หมื่นเม็ด อีกทั้งยังพบรถดัดแปลงสภาพ ภายในอู่อีก 24 คัน การทลายเครือข่ายโดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ยึดสมุดบัญชี พบว่ามีเงินสดหมุนเวียนนับ 100 ล้านบาท


ส่วนบ้านพักของนายเจริญย่านรังสิต สามารถตรวจยึดอาวุธปืนไม่มีทะเบียนได้ 4 กระบอก และปืนสงคราม 1 กระบอก ซึ่งทั้งหมดถูกซุกซ่อนเอาไว้ภายในบ้าน พร้อมทั้งรถยนต์อีก 3 คันและรถจักรยานยนต์ 2 คัน โดยประวัตินายเจริญเคยต้องโทษในคดียาเสพติดตั่้งแต่ปี 2552 เข้า-ออกเรือนจำหลายครั้งเรื่อยมา และเพิ่งพ้นโทษในปี 2562 หลังจากนั้นได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่จ.ปทุมธานี โดยทำให้ในพื้นที่ไม่มีประวัตก่อเหตุ แต่เบื้องหลังยังคงส่งพัสดุยาไปยังภาคใต้มาแล้วหลายครั้ง