สังคม

งานเสวนา “ถึงเวลาให้ชุมชนนำทางมุ่งสู่การยุติเอดส์” เป้าหมายภายในปี 2573 ผู้นำและ ‘รัฐ’ ร่วมหนุน

โดย parichat_p

1 ธ.ค. 2566

27 views

ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอดส์ 9,000 คนต่อปี มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 10,000 คนต่อปี เนื่องในวันเอดส์โลก 1 ธันวาคมปีนี้ เครือข่ายชุมชนที่ทำงานด้านโรคเอดส์ หรือ เฮชไอวี มีเป้าหมายยุติปัญหาเอดส์อย่างยั่งยืนให้ได้ภายในปี 2573 ด้วยโครงการถึงเวลาให้ชุมชนนำทางมุ่งสู่การยุติเอดส์


นิภากร นันตา ใช้โอกาสบนเวทีเสวนา"ถึงเวลาให้ชุมชนนำทางมุ่งสู่การยุติเอดส์" ส่งข้อความไปถึงสังคมให้ทุกภาคส่วนเกิดการตระหนักถึงการยุติปัญหาโรคเอดส์ หลังเธอต้องเป็นผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ


เวทีนี้จัดขึ้นเนื่องในวันเอดส์โลก 1 ธันวาคมของทุกปี โดยเครือข่ายชุมชนที่ทำงานเกี่ยวกับเอชไอวี ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 40 ปีแล้ว ที่ประเทศไทยยังคงดำเนินงานต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายยุติปัญหาเอดส์อย่างยั่งยืนให้ได้ภายในปี 2573


ข้อมูลจากโครงการ EpiC ประเทศไทย พบว่าค่าเฉลี่ยของระดับเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 จากศูนย์สุขภาพชุมชนทั้ง 11 แห่ง ในประเทศไทย อยู่ที่ระดับ 429 เซลล์/ลบ มม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศที่ 172 เซลล์/ลบ มม แสดงถึงศักยภาพในการบริหารจัดการเชื้อ HIV ร่วมกันขององค์กรภาคประชาสังคม ผ่านการช่วยเหลือแบบเพื่อนช่วยเพื่อน เปลี่ยนผู้รับบริการรักษาเป็นผู้ร่วมจัดบริการ จนพัฒนาเป็นรูปแบบศูนย์องค์รวมที่มีมากถึง 219 กลุ่ม ในปัจจุบัน โดยดึงผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อhiv มาเป็นเครือข่ายให้ความรู้คำแนะนำ ทำให้ผู้รับบริการรู้สถานะการติดเชื้อของตัวเองเข้าสู่การรักษาได้อย่างรวดเร็ว มีสุขภาพดี และลดการถ่ายทอดเชื้อ



ดร พัชรา เบญจรัตนาภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการเอดส์ แห่งสหประชาชาติ หรือ UNAIDS ระบุว่า ปัญหาด้านกฎหมายและนโยบายบางส่วนยังเป็นปัญหาที่ทำให้การทำงานของเครือข่ายชุมชนเป็นไปได้ช้า โดยชุมชนเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มที่มีประสบการณ์สูง และมีความร่วมมือที่แข็งแกร่ง ดังนั้นหากมีการปรับกฎหมายและเงินสนับสนุนให้เครือข่ายภาคชุมชนได้อย่างเต็มที่ ก็จะช่วยเข้าถึงผู้ป่วยที่ยังไม่เข้าสู่ระบบบริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น


ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเอดส์ 9,000 คน ต่อปี มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 10,000 คน ต่อปี ที่ผ่านมามีการสนับสนับสนุนงบประมาณสำหรับการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือสปสช และ จัดสรรงบประมาณให้กับภาคสังคม รวมแล้วกว่า 700 ล้านบาทต่อปี ควบคู่กับการปฏิบัติงานของกรมควงคุมโรค ที่เข้าค้นหาเชิงรุกมากขึ้น สนับสนุนการตรวจเชื้อด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันการแพร่ของเชื้อ โดยมีเครือข่ายภาคประชาสังคมเป็นผู้นำ


ที่ปรึกษาอาวุโส ด้านการวิจัยและนโยบาย สถาบันเพื่อการวิจัยและนวัตกรรมด้านเอชไอวี ให้ความเห็นไว้ว่าการระบาดของ เอชไอวีเปลี่ยนรูปแบบและเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ที่มีความเปราะบาง เช่นกลุ่ม LGBQI+, ผู้ใช้สารเสพติด พนักงานบริการ และกลุ่มเยาวชน รวมถึงประชากรข้ามชาติ การสร้างระบบการบริการสุขภาพที่เริ่มโดยชุมชน ให้ชุมชนเป็นผู้ดูแลบริหารจัดการได้ง่ายมากยิ่งขึ้น


ผู้อำนวยการ UNAIDS ย้ำว่า Ending edge ไม่ใช่จำนวนผู้ป่วยเป็น 0 แต่คือการลดจำนวนลงจนไม่เป็นปัญหาต่อระบบสาธารณสุข ซึ่งตามเป้าคือให้เหลือผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่มไม่เกิน 1000 คน ต่อปี และลดอัตราการเสียชีวิตให้เหลือ 4,000 คนต่อปี รวมทั้งเปลี่ยนมุมมองการมองภาพลบเพื่อสร้างความเข้าใจต่อผู้ป่วยในไทย หรือ stigma disclimination ให้น้อยกว่า 10% จากตอนนี้ที่ 15%


นับจากวันเอดส์โลกปีนี้เหลืออีก 7 ปี ก่อนปี 2573 ด้วยความหวังว่า ประเทศไทยจะสามารถ ยุติปัญหาเอดส์ได้ตามเป้าหมาย ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน สนับสนุนการแก้ไขนโยบาย และกฎระเบียบที่ไม่เอื้อต่อการทำงาน รวมทั้งเพิ่มงบประมาณให้แก่กลุ่มองค์กรอย่างเต็มที่ในเวลาที่เหลืออยู่เพราะประเทศไทยพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ภาคชุมชนมีพลังมากมายที่จะช่วยให้ประเทศไทยยุติปัญหาเอดส์ได้จริง

คุณอาจสนใจ

Related News