กทม.สั่งตรวจน้ำหนักรถบรรทุกทั่วเมือง หลังเหตุรถขนดินตกถนนทรุด

คืบหน้าการตรวจสอบกรณีรถบรรทุกดินที่ตกลงไปในอุโมงค์ซ่อมบำรุงบนถนนสุขุมวิทเมื่อวานนี้ ล่าสุดผลการวัดชั้งน้ำหนักรถพบว่าหนักมากถึงกว่า 37 ตัน ซึ่งทางกทม.พบว่านี่ไม่ได้เป็นการกระทำผิดเป็นครั้งแรก เพราะมีข้อมูลยืนยันว่ารถบรรทุกคันเกิดเหตุ เคยบรรทุกน้ำหนักเกินมาแล้วหลายครั้ง ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม.สั่งทุกเขตสำรวจไซต์งานก่อสร้างและเตรียมสุ่มตรวจรถบรรทุกน้ำหนักเกินทันที



นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผย ข้อมูลจากเครื่องตรวจจับน้ำหนักใต้สะพาน ซึ่งเป็นงานวิจัยการชั่งน้ำหนักรถของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังตรวจพบว่า รถบรรทุกคันที่เกิดเหตุถนนยุบที่สุขุมวิท 64/ 1 เคยบรรทุกน้ำหนักเกินมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม บรรทุกน้ำหนักอยู่ที่ 61.4 ตัน และ อีกครั้งในวันที่ 6 กันยายน ที่ผ่านมา บรรทุกน้ำหนักอยู่ที่ 59.2 ตัน ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายของทั้งกรุงเทพมหานครและกรมทางหลวงที่กำหนดไว้ที่ 25 ตัน



ล่าสุดผลการตรวจสอบน้ำหนักออกมาแล้วโดยผลการชั่งน้ำหนักรถบรรทุก ได้น้ำหนัก 37,450 หรือ 37.45 ตัน ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ว่าต้องไม่เกิน 25 ตัน เท่ากับว่าเกินมา 12 ตัน จากการคาดการณ์ คาดว่ารถบรรทุกคันนี้น้ำหนักเดิมอาจสูงมากถึง 60 ตัน เพราะมีดินบางส่วนที่ร่วงลงไปในท่อหลังจากเกิดอุบัติเหตุ และบางส่วนที่ถูกผู้รับเหมาตักออกไปทิ้ง นอกจากนี้ยังมีภาพบันทึกเหตุการณ์



ระหว่างที่มีคนที่คาดว่าเป็นคนของผู้รับเหมามาแอบดูดน้ำมันออกไป ซึ่งอาจทำให้นำหนักส่วนนั้นหายไป แต่ก็เกินกว่ากฎหมายกำหนดอยู่ดี



เบื้องต้น รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ระบุว่า ทางกทม.ได้ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีต่อไป



สำหรับแผนการดำเนินการกรณีการบังคับใช้กฎหมายกับรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน ทาง กทม. ได้หารือกับ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือในการสกัดกั้นรถบรรทุกน้ำหนักเกิน



ขณะเดียวกันหากพิจารณาตามอำนาจของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แม้ทาง กทม.จะสามารถที่บังคับใช้ระเบียบตัวนี้ได้ แต่ผู้ว่าชัชชาติก็ยอมรับว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่กทม.โดยเฉพาะเทศกิจไม่มี ประสบการณ์และความรู้ในการตรวจจับน้ำหนักของรถบรรทุกได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมด้วย



ตอนนี้ได้สั่งการให้ทุกสำนักงานเขตลงสำรวจไซต์งานก่อสร้างและเตรียมสุ่มตรวจรถบรรทุกน้ำหนักเกินทันที โดยเฉพาะงานก่อสร้างที่มีงานถมดิน ทั้งหมด 319 แห่ง ให้เจ้าหน้าที่ทำการสังเกตด้วยตาเปล่า หากพบรถบรรทุกที่คาดว่ามีน้ำหนักเกิน จะนำเครื่องชั่งน้ำหนักเคลื่อนที่ ซึ่งได้รับการประสานงานจากกรมทางหลวง 2 เครื่อง ไปสุ่มตรวจ หากพบว่าไซต์งานใด สั่งให้รถบรรทุกน้ำหนักเกินจะมีการตักเตือนและอาจจะระงับใบอนุญาตการก่อสร้างชั่วคราว และในอนาคตทาง กทม.เตรียมจะติดตั้งอุปกรณ์เครื่องตรวจจับน้ำหนักใต้สะพาน 10 จุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการโดยต้องรอให้ผลการวิจัยเสร็จสิ้น คาดว่าจะติดตั้งได้ภายในสิ้นปีนี้



ข่าว 3 มิติ ตั้งข้อสังเกตถึงรถคันนี้ โดยจากข้อมูลยืนยันได้ว่า รถคันนี้เคยบรรทุกน้ำหนักเกินมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ในครั้งนั้นป้ายชื่อรถยังคงเป็นป้ายระบุข้อความว่า เสี่ยอั่งเปา และ เปลี่ยนมาเป็นเสี่ยบิ๊ก หลังเกิดเหตุล่าสุด



แต่สิ่งที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คือ สัญลักษณ์สติกเกอร์รูปดาวสีเขียวอักษรย่อตัวบี ที่ยังคงติดอยู่ที่เดิม ดังนั้นจึงเป็นที่น่าสังเกตว่าสติกเกอร์ดังกล่าวมีนัยยะใดแอบแฝงหรือไม่