สังคม

ศาลยกฟ้อง 'ชัยวัฒน์' คดีฆ่า 'บิลลี่' เจ้าตัวลั่นเดินหน้าสู้ต่อ ปมความผิดม.157

โดย panwilai_c

28 ก.ย. 2566

52 views

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตัดสินจำคุกนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร เป็นเวลา 3 ปีโดยไม่รอลงอาญาฐานควบคุม ตัวนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แต่ปล่อยตัวไปโดยไม่นำส่งพนักงานสอบสวน ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆ พิพากษายกฟ้อง ขณะที่ ภรรยาบิลลี่ ผิดหวังที่จนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าบิลลี่หายไปไหน ขณะที่ทนายความมูลนิธิผสานวัฒนธรรม จะศึกษาคำพิพากษาเพื่อยื่นอุทธรณ์



ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุกนายชัยวัฒน์ เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯ กรณีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ตั้งแต่วันที่17 ต่อเนื่องวันที่ 18 เดือนเมษายน ปี 2557 เนื่องจากเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายพอละจีไว้ ในระหว่างการตั้งด่านตรวจในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แต่ปล่อยตัวนายพอละจีไป โดยไม่นำตัวส่งให้ตำรวจดำเนินคดี



ข้อหาอื่นๆ ทั้งกักขังหน่วงเหนี่ยว/ใช้กำลังขู่เข็ญ/ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน /และข้อหาซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ ศาลพิพากษา ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2,3 และ 4 ศาลสั่งยกฟ้องทุกข้อหา



ศาลอธิบายข้อหาร่วมกันขื่นใจ หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังนายพอละจี ให้กลัวและเป็นอันตรายแก่ชีวิต ศาลพิจารณาแล้ว ถือว่าไม่มี พยานหลักฐานเพียงพอยืนยันว่า มีการกระทำความผิด



ส่วนข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน" ที่พบว่าผลการตรวจไมโทคอนเดรีย ดีเอ็นเอชิ้นส่วนกระดูก ขมับขวาข้างซ้าย ของวัตถุ พยานที่พบใต้น้ำในเขื่อนแก่งกระจาน พบเป็นหลานนางโพเราะจี ซึ่งเป็นแม่ของนายบิลลี่ เนื่องจากสารพันธุกรรม ไมโทคอนเดรีย เป็นพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากแม่สู่บุตร แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นบุคคลใด



การวิเคราะห์กระดูกที่พบ พบว่าเป็นบุคคลอายุ 20 ปีขึ้นไป ไม่สามารถบอกเพศ ความสูงและเชื้อชาติได้ เมื่อการนำผังเครือญาติ มาใช้ประกอบการตรวจหาดีเอ็นเอไมโทคอนเดรีย อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน และไม่มีแพทย์ผู้ตรวจนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันผล ได้ว่า คือนายบิลลี่ จึงฟังไม่ได้ว่า นายบิลลี่ถึงแก่ความตายแล้วหรือไม่ ทำให้ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานฆ่าผู้อื่น



ส่วนข้อหาร่วมกันเผาทำลายศพ เพื่ออำพรางคดีแก่ศพ เมื่อพิสูจน์ไม่ได้ว่ากระดูกขมับซ้ายที่พบเป็นของนายบิลลี่หรือไม่ และไม่มี ประจักษ์พยานเชื่อมโยงได้ว่า จำเลยทั้ง 4 นำถังน้ำมันของกลางทิ้งในเขื่อน จึงไม่มีพยานที่รับฟังได้ให้ลงโทษจำเลยทั้ง 4 พิพากษายกฟ้อง



นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของบิลลี่ ร้องไห้ขณะสัมภาษณ์และกล่าวว่าผิดหวัง ที่จนป่านนี้ยังไม่รู้ข้อเท็จจริงว่า บิลลี่หายไปที่ไหน เพราะตั้งแต่ปี 2557 ถึงวันนี้ยังไม่มีคำตอบ



ขณะที่ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า หลังจากนี้ทีมกฎหมายจะศึกษาคำพิพากษา เพื่อยื่นอุทธรณ์ เพราะถือว่าบิลลี่ เป็นบุคคลที่ถูกทำให้สูญหายโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่รัฐยังมีอยู่ เพราะเป็นผู้พบและจับบิลลี่เป็นคนสุดท้าย



ส่วนนายชัยวัฒน์ ศาลอนุญาตให้ประกันตัวในวงเงิน 8 แสนบาท มีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ โดยนายชัยวัฒน์ ระบุว่ายอมรับ ในความผิดที่ไม่ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน แต่ก็จะสู้คดีในชั้นอุทธรณ์



เย็นวันนี้นายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล สัดส่วนชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง แสดงความผิดหวัง ที่คดีนี้มีการ ตัดสินเฉพาะความผิดปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบมาตรา 157 ทั้งที่หัวใจหลักของคดีคือกระบวนการฆาตกรรม และอำพรางศพ ซึ่งศาลยกฟ้องเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ โดยมานพ ระบุว่านี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่สังคมและชาวปกาเกอะญอ ติดตามว่ากรณีบิลลี่ สูญหาย เป็นการบังคับสูญหายหรือไม่

คุณอาจสนใจ

Related News