'บิ๊กโจ๊ก' ยันเส้นทางเงินบริสุทธิ์ แจงปมลูกน้องพัวพันบัญชีม้า ต้องสอบอีกที

คืบหน้าคดีฟอกเงินเเละเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ วันนี้ พนักงานสอบสวน ควบคุมตัวพลเรือน 8 คน เเละตำรวจที่เหลืออีก 6 นาย ไปขออำนาจศาลฝากขัง-พร้อมคัดค้านการประกันตัว ส่วนการขยายผล ล่าสุด ตำรวจ PCT เตรียมพิจารณาดำเนินคดีและออกหมายเรียกกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ เเละกลุ่มที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับบัญชีม้า ซึ่งมีรายงานว่า อาจรวมไปถึงคนใกล้ชิดรองผบ.ตร. เเละนักข่าวอีกราว 3-4 คน รวมอยู่ด้วย ขณะที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้ายื่นคำร้อง ขอให้ศาลพิจารณาไต่สวนเรื่องการละเมิดอำนาจศาล กรณีออกหมายค้นบ้านพัก พร้อมชี้เเจงประเด็นบ้านพักเเละเส้นทางการเงิน



พนักงานสอบสวนคุมตัวพลเรือน 8 คน เเละตำรวจอีก 6 นาย ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้เพื่อฝากขัง ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน เปิดบัญชีม้า และจัดให้มีการเล่นพนัน พร้อมคัดค้านการประกันตัว ในจำนวนนี้รวมถึง พลตำรวจตรีนำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ และ พันตำรวจเอกภาคภูมิ พิศมัย ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์



พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้า จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจ ปฏิเสธข้อกล่าวหา และไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน



ส่วนการขยายผล เตรียมพิจารณาดำเนินคดีและออกหมายเรียกกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ และกลุ่มที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับบัญชีม้า 2 บัญชี เงินหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 260 ล้านบาท



ซึ่งมีรายงานว่า กลุ่มผู้รับผลประโยชน์ อาจรวมไปถึงคนใกล้ชิด รองผบ.ตร. เเละอาจมีนักข่าว 3-4 คน รวมอยู่ด้วย ซึ่งพล.ต.ท.ไตรรงค์ ยังไม่ขอเปิดเผยจำนวน ยืนยันไม่ได้กลั่นเเกล้ง เพราะทำตามอำนาจหน้าที่



ส่วนเส้นทางการเงิน จะโยงไปถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือไม่นั้น ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี บอกว่า เรื่องนี้อยู่ในสำนวน



การสืบสวนพบว่า หลังจากสุชานัน หรือมินนี่ถูกจับ เจ้าหน้าที่ขยายผลจากโทรศัพท์ พบเเชตไลน์คุยกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ มีการเเจ้งเลขบัญชีให้มินนี่ เป็นธนาคารกรุงไทย ระบุชื่อนายพุฒิพงษ์ พูนศรี / มินนี่โอนเงินเข้ามาบัญชีนี้ โดยมี พ.ต.อ.ภาคภูมิ เป็นผู้ถือบัญชี



พิรุธต่อมาคือ หลังจากโอนเข้าบัญชีชื่อนายพุฒิพงษ์ พบโอนต่อไปอีกบัญชี ระบุเป็นบัญชีม้า ที่ชื่อว่านายครรชิต เเละคนที่ถือบัญชีนี้ ปรากฏชื่อของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ซึ่งเป็นลูกน้องที่คอยทำธุรกรรม และเป็นเหมือนพ่อบ้านของบิ๊กโจ๊ก นอกจากนี้ยังพบว่ามินนี่ ฝากเงินสดผ่านตู้อัตโนมัติ เข้าบัญชีของพุฒิพงษ์ ซึ่งเป็นบัญชีทางผ่าน รวม 51 ครั้ง โอนต่อกันเป็นทอด ๆ กระจายเข้าบัญชีตำรวจอีกหลายนาย



ที่น่าสนใจก็คือ ในชั้นนี้ พบว่าบัญชีม้าที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ถือ มีการโอนเงินไปที่โรงพยาบาลเเห่งหนึ่ง โดยระบุเป็นค่ารักษาพยาบาลพ่อของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชีเเม่ รวมถึงน้องชาย เเละเเบ่งไปเป็นค่าโทรศัพท์ให้กับรองสุรเชษฐ์



ด้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หลังจากยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาไต่สวน การออกหมายค้นบ้านพัก ซึ่งมองว่าเข้าข่ายพฤติกรรมปกปิดข้อมูลศาล ได้ชี้แจงประเด็นนี้ ยืนยันว่าไม่มีเส้นทางการเงินตรงเข้ามาที่ตนเอง ทั้งหมดเป็นเรื่องของลูกน้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของเเต่ละคนที่ต้องตอบว่านำเงินไปทำอะไร



ส่วนประเด็นบ้าน 5 หลัง ซึ่งพบว่าชื่อผู้ครอบครอง คือ เฮียแต๋ม นักธุรกิจรายใหญ่ในอุดรธานี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยอมบอกว่า เฮียแต๋มเป็นญาติและเป็นเจ้าของบ้านทั้งหมด ขอเช่าในราคา 50,000 บาท ยืนยันว่าบ้านที่พักอาศัย เคยให้การกับ ป.ป.ช. ไว้นานแล้ว



กรณีบ้านทั้ง 5 ชุดสืบสวนจะตรวจสอบว่าเฮียแต๋ม มีความสัมพันธ์เป็นญาติส่วนไหน หากเช่าจริงก็ต้องมีสัญญาตามกฎหมาย จากนี้จะเรียกเฮียแต๋มมาให้ปากคำ ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับ 23 คน พลเรือนถูกจับแล้ว 9 คน เหลืออีก 6 คน ยังหลบหนี