'ธรรมนัส' นำทีมสำรวจสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา เตรียมรับมือเอลนีโญ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บินสำรวจสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาเตรียมรับมือสถานการณ์เอลนีโญ โดยล่าสุดมีการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อบริหารจัดการน้ำช่วงปลายฤดูฝน และสำหรับฤดูแล้ง ซึ่งกรมชลประทาน คาดการณ์ว่าจะสามารถกักเก็บน้ำได้เพียงสำหรับหน้าแล้ง โดยจะมีการประชุมประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 1 พฤศจิกายน



ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนาย ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน บินสำรวจสถานการณ์น้ำจาก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์เอลนีโญ และภัยแล้ง รวมถึงการปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ที่มีการระบายน้ำวันละ 800 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อบริหารจัดการน้ำสำหรับการอุปโภค บริโภค เพื่อการเกษตร และรักษาระบบนิเวศน์ และปล่อยน้ำผ่านระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำน้อย ใน ต.โผงเผง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา มีน้ำท่วมประมาณ 100 หลังคาเรือน แต่ไม่มาก เพราะเมื่อเทียบกับการระบายน้ำเขื่อนเข้าพระยาเมื่อปีที่แล้ว ที่ระบายวันละ 2,000 ลบม.วินาที ทำให้น้ำท่วมหนักในลุ่มน้ำเจ้าพระยา



สำหรับการระบายน้ำในเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ขัยนาท ระหว่างการลงพื้นที่ร่วมกับนายอนุชา นาราศัย รมช.กระทรสงเกษตรฯ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์ปัญหาน้ำท่วมจะไม่หนัก รวมถึงคาดว่าจะกักเก็บน้ำได้พอใช้สำหรับหน้าแล้ง เพราะขณะนี้ 4 เขื่อนหลัก มีน้ำ 5,800 ล้านลูกบาศ์เมตร และคาดว่า จะมี 7,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ในวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จะมีการประชุมประเมินสถานการณ์อีกครั้ง



รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร เห็นชอบให้กรมชลประทานจัดหาแหล่งน้ำสำรอง และเร่งเก็บกักน้ำไว้ในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาที่มีปริมาณการใช้น้ำสูง เพื่อรองรับปรากฎการณ์เอลนีโญ และการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด และในวันที่ 1 พฤศจิกายน จะมีการประชุมหารือการบริหารจัดการน้ำกันอีกครั้ง เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน จึงขอความร่วมมือจากเกษตรกร ในการปรับเปลี่ยนกิจกรรมการปลูกพืชอายุสั้น ใช้น้ำน้อย และ งดทำนาปรังรอบที่ 2