สังคม

นายกฯ-รมว.กลาโหม พบผู้นำเหล่าทัพ วางกรอบการทำงาน เปลี่ยนระบบเกณฑ์ทหารเป็นรูปแบบสมัครใจ

3 ก.ย. 2566

74 views

วันนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้นัดพบกับผู้นำเหล่าทัพ เพื่อหารือให้ผู้นำเหล่าทัพสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันพัฒนาประเทศ หลังพบปะรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน โดยนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่าในเดือนเมษายน 2567 จะ เปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหารเป็นรูปแบบสมัครใจ


วันนี้ที่โรงแรมโรสวูด ย่านเพลินจิต กรุงเทพมหานคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้นำ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ร่วมพบปะรับประทานอาหารกลางวัน กับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ชุดใหม่ได้แก่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รองผู้บัญชาการทหารบก ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยว ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ส่วน พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศ ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศโดยการพบปะครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง


ทั้งนี้มีรายงานว่า การพบปะครั้งนี้เพื่อทำความรู้จักกัน โดยนายเศรษฐาได้ขอให้ทหารมาร่วมกันพัฒนาประเทศ และขอให้ทหารช่วยเป็นแบ็คอัพ อยากให้จับมือไปด้วยกัน เพราะประเทศเป็นของพวกเราทุกคน ซึ่งการพบปะครั้งนี้ยังไม่มีการ พูดคุยลงลึกในรายละเอียดแผนงานของกองทัพเพราะยังไม่ถึงเวลา สำหรับการพบปะกันครั้งนี้ สื่อมวลชนไม่ได้รับอนุญาตให้ติดตามทำข่าวอย่างเป็นทางการ


ด้านนายนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ พร้อมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าเป็นการพูดคุยถึงสถานการณ์ของประเทศ สอบถามปัญหาและแลกเปลี่ยนความต้องการของแต่ละฝ่าย ซึ่งฝ่ายการเมืองได้ระบุว่าอยากผลักดันนโยบายต่างๆ อาทิ การเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นรูปแบบสมัครใจ การร่วมกันพัฒนากองทัพให้เป็นที่พึ่งของประชาชนมากยิ่งขึ้น ร่วมถึงสอบถามความต้องการของกองทัพว่ามีความต้องการอยากให้รัฐบาลสนับสนุนในเรื่องใดบ้าง รวมถึงมีความกังวลหรืออุปสรรคอะไรเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งทางกองทัพมีความเห็นไปทิศทางเดียวกับรัฐบาล ว่ากองทัพก็ปรับปรุงองค์กรมาโดยตลอด ไม่ขัดข้องอะไรและยินดีปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนจะทำได้ช้าหรือเร็ว ก็จะสะท้อนให้รัฐบาลทราบถึงข้อติดขัดให้รัฐบาลช่วย


เมื่อถามว่าสิ่งที่กล่าวมาจะเห็นผลเป็นรูปธรรมได้เมื่อไหร่ นายสุทินกล่าวว่า จะเห็นผลเป็นรูปธรรมในทันที ยกตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหาร เป็นรูปแบบสมัครใจในเดือนเมษายน 2567 และจะค่อยๆ หมดไปจนเหลือเพียงการเข้ากองทัพแบบสมัครใจ ส่วนการปรับลดขนาดกองทัพภายในปี 2570 กองทัพจะกระชับลง นายพล จะหายไปจำนวนมาก โดยทั่วไปถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี ทำให้มั่นใจว่า กองทัพจะมีบทบาทออกมาช่วยแก้ปัญหาประเทศร่วมรับรัฐบาล


และจากการพูดคุยสิ่งที่ทั้งฝ่ายการเมืองและกองทัพเห็นตรงกันคือ กองทัพต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมากองทัพทำเรื่องที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก แต่สังคมรับรู้อีกอย่างทำให้สังคมมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อกองทัพ นายสุทิน กล่าวด้วยว่าหลังจากนี้จะไปขอพบอดีตนายทหารผู้ใหญ่ และนักวิชาการด้านความมั่นคง เพื่อรับฟังความคิดเห็นแง่มุมต่างๆ ต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News