สังคม

สั่งจำคุก 'ธาริต' 2 ปี ไม่รอลงอาญา ปมกล่าวหา 'อภิสิทธิ์-สุเทพ' สั่งฆ่าประชาชน สลายม็อบปี 53

โดย panisa_p

10 ก.ค. 2566

81 views

หลังจากขอเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาถึง 9 ครั้ง ที่สุดวันนี้ "ศาลฏีกา" ได้อ่านพิพากษาคดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เเละนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ฟ้องกลับ "นายธาริต เพ็งดิษฐ์" อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กับพวกรวม 4 คน กรณีถูกกล่าวหา"เป็นผู้ออกคำสั่งให้ทหารใช้อาวุธสงคราม เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มนปช.ปี 2553 โดยศาลพิพากษาให้จำคุก"นายธาริต" 2 ปี ไม่รอลงอาญา ก่อนจะคุมตัวส่งเข้าเรือนจำเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา



นายธาริต พร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากขอเลื่อนมาเเล้วถึง 9 ครั้ง โดยอ้างปัญหาเรื่องสุขภาพ พร้อมยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา 3 ฉบับ



นายธาริต บอกว่าฉบับแรก ยื่นขอคัดค้านองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาชุดเดิม อ้างมีหลักฐานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มีความเกี่ยวข้องกับอดีตประธานศาลฎีกา และผู้พิพากษาอีกจำนวนหนึ่ง ฉบับที่สองขอให้ศาลฎีกา ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความการฟ้องตามกฎหมายมาตรา 157 และ มาตรา 200 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และคำร้องที่สาม คือเปลี่ยนคำให้การ "เป็นปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา"



จากการยื่นคำร้องทั้ง 3 ข้อ ทำให้ศาลฎีกา เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาจากเดิมคือช่วงเช้า ไปเป็นช่วงบ่าย ขณะที่ฝ่ายโจทก์ นายสวัสดิ์ เจริญผล ซึ่งเป็นทนายความของนายสุเทพ ตั้งข้อสังเกตถึงการทำหน้าที่ของ"นายธาริต" ขณะที่เป็นอธิบดีดีเอสไอ ทำคดีของกลุ่มนปช. บอกว่ามีอาวุธ ใช้ความรุนเเรง แต่พอเปลี่ยนรัฐบาล กลับทำคดีใหม่เเละกล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ กับ นายสุเทพ สั่งฆ่าประชาชน ในเหตุสลายการชุมนุมของกลุ่มนปช. จากการออกคำสั่งของผู้อำนวยการศอฉ.



กระทั่ง 17.30 น. ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำร้องที่นายธาริต จำเลยที่1 ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา โดยศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องทั้งหมด ต่อมา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฏีกา โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานข้อที่ต้องวินิจฉัย ว่าจำเลยทั้งหมด ทำผิดตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือไม่



โดยเห็นว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยจำเลยที่ 1 ทราบอยู่แล้วว่า ตนเองและหน่วยงานไม่มีหน้าที่สืบสวนสอบสวนบุคคลทั้ง 2 ที่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ที่มีอำนาจหน้าที่สรุปสำนวนเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อฟ้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นข้อพิรุธ และในที่ประชุม เดือนธันวาคม 2555 จำเลยที่1 ได้แสดงความคิดเห็นชี้นำให้พนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ สืบสวนหาหลักฐาน และรวบรัดเชิญโจทก์ทั้งสองมารับทราบข้อกล่าวหา



อีกทั้งในขณะนั้นเป็นช่วงรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นน้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตรซึ่งอยู่ขั้วตรงข้ามทางการเมืองกับโจทก์ทั้งสอง ฟังได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งให้โจทก์ทั้งสองได้รับโทษทางอาญา เพื่อสนองความต้องต้องการของรัฐบาลใหม่



หลังจากนั้น นายธาริต ได้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษอีก 1 ปี พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมา รับฟังโดยปราศจากข้อสงสัย ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยกับศาลอุธรณ์ว่า จำเลยที่1 กระทำผิดตามฟ้องจริง



ส่วนจำเลยที่ 2-4 ศาลเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ที่1 และ 2 ยังไม่แน่ชัด และไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 2-4 ได้รับประโยชน์อย่างไร จากการแจ้งข้อกล่าวหาต่อโจทก์ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่1 ตามคำพิพากษาศาลอุธรณ์ คือ จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 2-4 พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง

คุณอาจสนใจ

Related News