แจ้งข้อหา 'แอม ไซยาไนด์' ร่วม 80 ข้อหา มากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย

ตำรวจเตรียมสรุปสำนวนคดีนางสรารัตน์ หรือแอม ส่งฟ้องศาลในสัปดาห์หน้า โดยข้อหาหลัก จะเป็นข้อหาฆ่าโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน แต่เนื่องจากผู้ต้องหาทำผิดหลายกระทง และมีความซับซ้อน ทำให้มีข้อหาปลีกย่อย ในเรื่อง พ.ร.บ.สารพิษ และผู้เสียชีวิตหลายคน รวมแล้ว มีถึง 80 ข้อหา



ความคืบหน้า คดีของนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งมีผู้เสียชีวตถึง 14คน มีผู้รอดชีวิตเพียง 1 คน และยังมีเคสที่น่าสงสัยว่าจะเสียชีวิตโดยนางสรารัตน์อีก แต่เนื่องจากได้เสียชีวิตมาหลายปี ทำให้พยานหลักฐานไปไม่ถึง ล่าสุดตอนนี้ตำรวจชุดทำงานในคดีนี้ ได้มีการรวบรวบหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเงินที่มีเงินหมุนเวียนร่วม 78 ล้านบาท และผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ของผู้เสียชีวิตที่ชัดเจนมีทั้งหมด 5 ราย เข้ามารวมในสำนวน จนเริ่มมีความชันเจนในทางคดีมากขึ้น



ซึ่งผู้เสียชีวิตแต่ละราย นอกจากข้อหาฆ่าโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นข้อหาหลักแล้ว แต่ละคดียังมีเพิ่มอีก 3-5ข้อหา รวม 15 สำนวนก็ประมาณ 80 ข้อหา ตอนนี้ที่ชัดเจนตามหลักฐานแล้วสามารถแจ้งได้ 40 ข้อหา ภายในสัปดาห์นี้ ที่เหลือยังรอหลักฐานในส่วนอื่น ที่จะนำมาประกอบให้สมบูรณ์ก่อน แล้วจะแจ้งเพิ่มเติมภายหลัง ซึ่งตอนนี้แอมถูกแจ้งไปข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง และปลอมเอกสาร สำหรับข้อหาที่ตำรวจเตรียมแจ้งเพิ่ม คือ



มาตรา 236 ผู้ใดปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ หรือจำหน่าย หรือเสนอขาย สิ่งเช่นว่านั้นเพื่อบุคคลเสพหรือใช้ (จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)



มาตรา 289(6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น (ประหารชีวิต)

มาตรา 289(7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ (ประหารชีวิต)

มาตรา 339 ผู้ใดลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย (จำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 1-2 แสนบาท) และความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย



การแจ้งข้อหาเพิ่มเกิดขึ้นหลังจากตำรวจขณะนี้ตำรวจได้พยานหลักฐานชัดเจนในการสั่งซื้อไซยาไนด์ของนางแอมแล้ว โดยนางแอมได้ขับรถไปรอรับสินค้าจากบริษัทขนส่งเอกชนด้วยตัวเอง ทำให้พยานหลักฐานมีความแน่นหนามาก และจะสรุปสำนวนส่งฟ้องพนักงานอัยการได้ในเร็วๆนี้