รวบแก๊งอ้างแบงก์ดัง ส่งลิงก์หลอกดูดเงินเหยื่อ อึ้ง 3 เดือน ฟันกว่า 175 ล้าน

ตำรวจไซเบอร์ จับขบวนการส่งลิงก์ปลอมของสถาบันการเงินไปในข้อความมือถือของเหยื่อ เพื่อหลอกดูดเงิน โดยพบว่าผู้ต้องหาใช้รถยนต์ขนเครื่องส่งสัญญาณวิ่งทั่วกรุงเทพมหานคร เพื่อส่งข้อความ ซึ่งเพียง 3 เดือนมีผู้เสียหายถูกดูดเงินไปรวมกันกว่า 175 ล้านบาท



ตำรวจไซเบอร์ได้ตรวจยึด เครื่องจําลองสถานีฐาน (False Base Station) ได้จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์สติงเรย์

ที่นำมาใช้ก่อเหตุส่งข้อความล่อลวงเหยื่อ โดยใช้วิธีการนำเครื่องนี้ใส่ไว้ในรถ ก่อนจะขับตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเครื่องนี้ก็จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์มือถือที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ที่อยู่ในรัศมีของสัญญาณอุปกรณ์ แล้วก็ส่งข้อความหลอกลวงเข้าไปให้เหยื่อหลงเชื่อกดลิงก์



สำหรับข้อความที่ผู้ต้องหาส่ง ก็จะอ้างว่า ส่งจากธนาคารกสิกรไทย เพื่อเตือนว่า "มีผู้เข้าระบบธนาคารของคุณจากอุปกรณ์อื่น หากไม่ได้ดำเนินการด้วยตัวเอง โปรดติดต่อทันที" พร้อมกับแนบลิงค์มาให้ ทันทีที่กดลิงค์ก็จะติดต่อไปยังแก๊งคอลเซนเตอร์ จากนั้นจะหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ โหลดแอพพลิเคชั่นที่อ้างว่าเป็นแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบบัญชี แต่ที่จริงคือเป็นการดูดเงินออกจากบัญชีธนาคารที่ติดตั้งในมือถือ



โดยเพียง 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม มีประชาชนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก รวมมูลค่าเงินที่สูญไป 175,159,482 บาท



1 ในผู้เสียหาย เล่าว่า เธอได้รับข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือ พร้อมแนบลิ้งค์มาใน SMS ซึ่งพอกดไปที่ลิ้งค์ ระบบจะให้เพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ทักมาสอบถามชื่อ และข้อมูลการใช้งาน ว่าทำธุรกรรมอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่หรือไม่ เมื่อปฏิเสธ สมาชิกแก็งดูดเงิน จะบอกข้อมูลส่วนตัวของเธอ และยังรู้ด้วยว่าเธอมีบัญชีธนาคารกี่บัญชี



เมื่อหลงเชื่อ ก็จะส่งแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า "เค ซีเคียวริตี้" มาให้โหลด โดยอ้างว่าเพื่อตรวจสอบว่าใครเข้าบัญชีของเธอ แต่ในความเป็นจริงการกดเข้าไป คือ การรีโมทโทรศัพท์ของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรกับมือถือได้ หน้าจอมือถือขึ้นภาพกำลังอัพเดท ใช้เวลาเพียงครึ่ชั่วโมง ก็พบว่าเงินได้ถูกโอนออกไปแล้วจากทั้งหมด 4 บัญชี ราว 3 แสนกว่าบาท รวมถึงบัตรเครดิตก็ถูกเปลี่ยนเป็นเงินสด กดออกไปเช่นกัน



เมื่อวานนี้ตำรวจไซเบอร์ได้แกะรอยจนสามารถจับนาย สุขสันต์ อายุ 40 ปี กับพวกรวม 6 คน ได้ พร้อมเครื่องจําลองสถานีฐาน 4 ตัว เบื้องต้นรับสารภาพว่า นำอุปกรณ์ใส่ในรถยนต์ 4 คัน ขับตระเวนไปเรื่อยๆ เพื่อกระจายสัญญาณข้อความออกไป โดยมีคนรู้จักที่ทํางานอยู่ประเทศเพื่อนบ้านว่าจ้าง เดือนละ 8 หมื่นบาท การทำงานของเครื่องดังกล่าว รู้แค่ว่า สามารถส่งสัญญาณไปยังโทรศัพท์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้วันละ 2 หมื่นหมายเลขต่อเครื่อง เพียงกดเปิดเชื่อมต่อสัญญานเท่านั้นแล้วเครื่องจะดักสัญญาณจากเสาเครือข่ายมือถือ และส่งข้อความไปอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องมีเบอร์ผู้เสียหาย



พลตำรวจตรี วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผู้บัญชาการ สอท. เปิดเผยว่า ปกติอุปกรณ์ชนิดนี้ จะใช้เมื่อเกิดกรณีภัยพิบัติ แล้วเครือข่ายสัญญาณมือถือใช้ไม่ได้ จึงนำมาใช้เป็นช่องทางสื่อสารถึงผู้ประสบภัย หรือใช้ในหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกา ในการดักรับข้อมูล ซึ่งปกติจะมีใช้ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย แม้ที่ผ่านมาไทยก็สามารถดักตัดสัญญาณได้ แต่ครั้งนี้ถูกลอบนำเข้ามาใช้ก่อเหตุในไทย





เบื้องต้นแจ้งข้อหา ’ร่วมกัน ทํา มี ใช้ นําเข้า นําออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาต, ร่วมกันใช้คลื่น ความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการ โทรคมนาคมแบบที่สาม, เป็นอั้งยี่ หรือซ่องโจร’ และจะขยายผลการจับกุมแก๊งนี้ต่อไป