สังคม

ตำรวจแถลงปิดคดี แจ้ง 8 ข้อหา 'ครูยุ่น-พนักงาน' ทำร้ายเด็ก-ค้ามนุษย์

โดย panisa_p

24 พ.ค. 2566

247 views

ตำรวจแถลงปิดคดี นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก กรณีมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ เมื่อปลายเดือนตุลาคมปี 2565 ปรากฎภาพครูยุ่นทำโทษเด็กในมูลนิธิ จนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดี ที่วันนี้ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาครูยุ่น 8 ข้อกล่าวหา ตั้งแต่ทำร้ายร่างกายเด็กไปจนถึงความผิดตาม พ.ร.บ.ค้ามนุษย์



พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวสรุปคดี นายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ถูกกล่าวหาว่าการลงโทษเด็กในมูลนิธิที่อาจเป็นการทำร้ายร่างกายเด็กโดยมีคลิปวิดิโอเป็นพยานหลักฐานเริ่มต้นคดี



พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ระบุว่าจากการสอบปากคำพยานกว่า 100 ปาก ทั้งผู้ปกครอง เด็ก และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อมูลว่าภายในมูลนิธิ มีเด็กในการดูแลทั้งหมด 58 คน แต่มีเด็กจำนวน 33 คน ที่ถูกครูยุ่นลงโทษด้วยความรุนแรง



และจากการสืบสวน พนักงานสอบสวน ยังพบว่ามีการบังคับเด็กไปทำงานที่บ้านแม่น้ำ รีสอร์ท ในตำบลบางขันแตก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นของนางพิมล ภรรยานายมนตรี โดยให้ค่าแรงคนละ 40-60 บาท และหากไม่ทำก็จะถูกหักเงินค่าขนมในแต่ละวัน โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหานางพิมลด้วย



สรุปคดีนี้เจ้าหน้าที่ สั่งฟ้องผู้ต้องหา 3 รายประกอบด้วย

1.นายมนตรี หรือ ครูยุ่น

ถูกดำเนินคดีฐาน เป็นผู้ปกครองสวัสดิภาพโดยไม่ได้รับการแต่งตั้ง,เป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานสงเคราะห์เด็กทำร้ายร่างกายหรือจิตใจหรือลงโทษเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลโดยวิธีการรุนแรงประการอื่น , กระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ร่วมกันบังคับใช้แรงงานโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย เป็นต้น



2. นางพิมล

ถูกดำเนินคดีฐาน ร่วมกันบังคับใช้แรงงานโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อ ร่างกาย ขู่เข็ญด้วยประการใดๆกระทำด้วยประการอื่นใดอันมีลักษณะคล้ายคลึงกันกับการกระทำดังกล่าวข้างต้นและได้กระทำ ให้ผู้ถูกกระทำนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจขัดขืนได้,ร่วมกันกระทำความผิดฐาน ร่วมกันเป็นนายจ้าง จ้างเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นลูกจ้าง,ร่วมกันเป็นนายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นต้น



3. มูลนิธิคุ้มครองเด็ก โดยมีนายแก้วสรร เป็นประธานกรรมการฯ

ถูกดำเนินคดีฐาน เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานสงเคราะห์ ไม่ยื่นขอแต่งตั้งผู้ปกครองสวัสดิภาพเด็ก แต่ยังกระทำการเป็นผู้ปกครองสวัสดิภาพ



นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบว่ามูลนิธิฯ นำตู้รับบริจาคไปเรี่ยไรเงินกว่า 300 จุดทั่วประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.เรี่ยไรเงิน เพราะเป็นการตั้งตู้บริจาคโดยไม่ได้รับอนุญาต และส่งเส้นทางการเงินให้ทางสรรพากรตรวจสอบแล้ว ซึ่งหากตรวจสอบแล้วไม่เข้าข่ายเงินบริจาคก็ต้องเสียภาษี และถ้าเอาไปใช้ส่วนตัวก็ต้องดูว่าจะเข้าความผิดฐานใด



ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดสมุทรสงคราม ได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตสถานสงเคราะห์เด็กเอกชน และสั่งปิดชั่วคราวไปแล้ว และกระทรวงมหาดไทย เตรียมทำหนังสือยื่นขอปิดมูลนิธิถาวร ให้กับอัยการเพื่อส่งศาลพิจารณาอีกครั้ง

คุณอาจสนใจ

Related News