เชียงใหม่ฝุ่นวิกฤต ผู้ว่าฯประกาศให้ทุกหน่วยงาน WFH

วันนี้จังหวัดเชียงใหม่ประกาศให้หน่วยงานภาครัฐบางส่วน และขอความร่วมมือภาคเอกชนให้ทำงานที่บ้าน หรือ Work from Home หลังสถานการณ์ปัญหาไฟป่า หมอกควัน อยู่ในภาวะเป็นอันตรายต่อสุขภาพมานานเกือบสองสัปดาห์ และวันนี้เชียงใหม่ยังครองอันดับ 1 เมืองที่มีคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับอันตราย



เว็บไซต์ IQ Air.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 382 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 332.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จากไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรต่อ 24 ชั่วโมง ซึ่งเกินค่ามาตรฐานและอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ



ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวทำให้เชียงใหม่มีค่ามลพิษสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก รองลงมา คือ เมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล



วันนี้ (7 เม.ย. 66) ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศให้หน่วยงานภาครัฐทุกแห่งจัดระบบการทำงานที่บ้าน (Work from Home) ในส่วนที่ไม่กระทบกับการให้บริการประชาชนและขอความร่วมมือภาคเอกชน ให้พิจารณาอนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้านด้วย พร้อมให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงงดทำกิจกรรมนอกบ้าน เป็นเวลา 1 วัน และจะมีการพิจารณาเพิ่มเติมอีกครั้งหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย



ขณะที่จิสด้า รายงาน ค่าฝุ่น PM2.5 ยังคงเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ รวม 39 จังหวัด เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น" แบบรายชั่วโมง เมื่อเวลา 13:00 น. ที่ผ่านมาพบหลายจังหวัดมีค่า PM2.5 อยู่ในระดับแดงและสีส้ม ซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพไปจนถึงมีและต่อสุขภาพแล้ว โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงราย 438 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามด้วยเชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำพูน แม่ฮ่องสอน ลำปาง เลย แพร่ อุตรดิตถ์ เป็นต้น



จึงแนะนำให้ประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา



นอกจากนี้จิสด้า ยังรายงาน สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ