สังคม

เปิดเบื้องหลังกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติด 'ทุนมินลัต' สู่การตั้งข้อหา 'ส.ว.อุปกิต'

โดย panwilai_c

1 เม.ย. 2566

267 views

การเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ของนายอุปกิต ปาจารียางกูร สมาชิกวุฒิสภา แม้จะปฏิเสธว่า เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายทั้งสีเทา หรือสีดำ แต่ในทางคดี ก็สามารถทำให้มีการต่อจิ๊กซอว์ จนเห็นแผนประทุษกรรม ของขบวนการค้ายาเสพติด และขบวนการฟอกเงินชัดเจนขึ้น



การตัดวงจรยาเสพติด ที่ได้ผล ต้องจับกุมให้ถึงตัวผู้สั่งการ และผู้ค้ายาเสพติด แต่ที่ผ่านมา คนกลุ่มนี้เมื่อถูกออกหมายจับก็หนีไปอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านแทบทุกราย แม้นโยบายรัฐบาลเน้นย้ำมาโดยตลอดให้ยึดทรัพย์ การฟอกเงินจากยาเสพติด แต่หลายครั้งเมื่อยึดทรัพย์มาได้สุดท้ายต้องคืนก็หลายคดี อีกทั้งยังมีวิธีการจ่ายเงินไปถึงผู้สั่งการในประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อยังจ่ายเงินกันได้ ทำให้ยาเสพติดระบาดเพิ่มขึ้นทุกวัน



แต่ช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีการสืบทราบว่า การจ่ายเงินไปยังกลุ่มผู้สั่งการ ซึ่งไม่สามารถโอนกลับไปโดยตรงได้ จึงมีการใช้บัญชีม้า และโอนไปจ่ายเป็นค่าสินค้าประเภทอื่นก่อนจะถอนเป็นเงินสด



จากการสืบสวนจับกุมคดีนายทุนมินลัต ทำให้เห็นรูปแบบการฟอกเงินของผู้ค้ายาเสพติด ที่ทำอย่างแยบยล จากเครือข่ายรายย่อย 5 เครือข่าย โอนจ่ายเงินค่ายาไปยังเครือข่ายรายใหญ่ด้วยการใช้เงินสดหรือโอนเงินให้เครือข่ายใหญ่ แต่เมื่อเงินถึงมือเครือข่ายรายใหญ่แล้วจะโอนไปจ่ายค่ายาเสพติดให้กับระดับนายทุนผู้สั่งการที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่สามารถโอนเงินได้โดยตรง ตำรวจทีมสืบสวนกองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาลชุดที่ถูกโยกย้าย



พบว่า จากเครือข่ายใหญ่ ได้จ่ายเงินกลับไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านด้วยวิธีการใช้บัญชีม้า หลายร้อยบัญชี โอนไปจ่ายเงินค่ากระแสไฟฟ้าให้กับบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป เพื่อขายไปยังฝั่งท่าขี้เหล็ก และต่อมา มีการโอนจ่ายไปยังบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ปก่อนจ่ายค่ากระแสไฟฟ้า



กระทั่งนำไปสู่การจับกุมนายทุนมินลัต นายดีลยัง จุลธุระ และเลขา

รวม 4 คน และนิติบุคคลอีก 2 แห่ง หลังการสอบสวนผู้ต้องหา และหลักฐานการโอนเงิน รวมทังแชทไลน์ ได้พาดพิงไปถึง นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา จนนำไปสู่การออกหมายจับในวันที่ 3ตุลาคม ปีที่ผ่านมา และถูกถอนหมายจับในวันเดียวกัน



กระทั่งกลางเดือนมีนาคม เกิดเอกสารคำชี้แจงการขอหมายจับและการเพิกถอนหมายต่อคณะกรรมการตุลาการของพ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ หนึ่งในชุดสืบสวนคดี หลุดภายในแวดวงตุลาการก่อนจะออกมาสู่โซเชี่ยล



17 มีนาคมที่ผ่านมา นายอุปกิต ได้แถลงต่อสื่อมวลชนระบุว่า มีเงินจากเครือข่ายยาเสพติดโอนเข้ามาใน บริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป โดยที่ตนไม่ทราบ ซึ่งตัวเองได้ขายหุ้นให้นายทุนมินลัต และนายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ หรือเอดดี้ และมีนายดีลยังลูกเขยถือหุ้นใหญ่



หลังจากนั้นได้มอบหมายให้ทนายความไปร้องต่ออธิบดีศาลอาญาไต่สวน พ.ต.ท.มานะพงษ์ ใช้เอกสารเท็จบิดเบือนในการยื่นขอออกหมายจับ



ขณะที่พันตำรวจโทมานะพงษ์ ถูกจเรตำรวจแห่งชาติ เรียกชี้แจงเรื่องตำรวจผู้ใหญ่ ที่อ้างถึงตามเอกสารชี้แจงเป็นใคร และเอกสารหลุดได้อย่างไร รวมไปถึงการถูกโยกย้าออกจากหน่วยไม่เป็นธรรมอย่างไร



จากแหล่งข่าวในจเรตำรวจเปิดเผยว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ยืนยันว่าเอกสารไม่ได้หลุดออกจากตัวเอง และการออกหมายจับเป็นไปตามพยานหลักฐานและเป็นไปตามกระบวนกฎหมาย ไม่ได้มีเบืองหน้าเบื้องหลังใดๆ



วันที่ 27 มีนาคม ที่ผ่านมา รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเปิดเผยว่านายอุปกิต ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา กับพนักงานสอบสวน ซึ่งมีทั้งตำรวจและพนักงานอัยการ ตามคำสั่งของอัยการสูงสุดที่แต่งตั้งขึ้น โดยแจ้ง 3 ข้อกล่าวหาคือสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และเป็นสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยไม่ได้ถูกออกหมายจับ จึงไม่ต้องควบคุมตัว พร้อมระบุว่าอัยการสูงสุดได้ให้สอบเพิ่มใน 4ประเด็นและอยู่ในระดับครบถ้วนเตรียม สรุปสำนวนส่งอัยการสูงสุดแล้ว



มีรายงานว่า หากพบข้อหาเพิ่มเติม ซึ่งเกี่ยวกับการสมคบเกี่ยวกับยาเสพติด โดยนัดฟังคำสังคดีวันที่ 17 เมษายนนี้ ก็อาจมีการแจงข้อหาเพิ่ม โดยก่อนหน้านี้ทางปปส. ได้แถลงถึงเครือข่ายยาเสพติดมีการโอนเงินผ่านบัญชีม้า เข้าบริษัทอัลลัวร์กรุ๊ป 21 ล้าน 5 แสนบาท และอายัดทรัพย์สิน ผู้ต้องหาที่ถุกจับกุมแล้ว 1398 ล้านบาท

คุณอาจสนใจ

Related News