ย้อนดูคดี ตร.ขโมยปืนหลวง หลังศาลสั่งจำคุก 256 ปี 168 เดือน

คดีที่ดาบตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ขโมยปืนหลวงไปขายมากกว่า 160 กระบอก เหตุเกิดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2547 แต่เพิ่งมาตรวจพบความผิดปกติ หลังปืนในคลังหายไปจำนวนมาก ซึ่งคดีนี้ ศาลเพิ่งมีคำพิพากษาไปไม่นาน ให้จำคุก รวมจำคุก 256 ปี 168 เดือน แต่ตามกฎหมาย ให้จำคุกได้ไม่เกิน 50 ปี ซึ่งคดีนี้ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคดีอัยการทุจริต ภาค 1 สั่งฟ้อง โดยแจ้งข้อหา ตามความผิด แยกเป็นคดี รวม 28 กระทง



ย้อนไปเมื่อ 5 เดือนก่อน ด.ต.เชาวลิต พุ่มขจร ขณะนั้นเป็น ผบ.หมู่ป้องกันและปราบปราม ทำหน้าที่เบิกจ่ายอาวุธปืน และถือคลังกุญแจเก็บปืน ของ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มาตั้งแต่ปี 2547 ได้ขโมยปืนไปร่วม 160 กระบอก โดยปืนที่หายไป มีทั้งปืนกล็อก , ปืนซิกซาวเวอร์ และปืนลูกโม่ และ ปืนยาว



หลังจากเรื่องแดง ดาบตำรวจเชาวลิต หลบหนีไปยังชายแดน จ.หนองคาย โดยอยู่ระหว่างทำพาสปอร์ต ข้ามแดน แต่ถูกตำรวจจับกุมได้ ก่อนข้ามฝั่งไปประเทศเพื่อนบ้าน



ด.ต.เชาวลิต ยอมรับขณะนั้นว่า ได้นำไปขายและจำนำกระบอกละประมาณ 20,000 บาท กับร้านรับจำนำ โดยไม่ไถ่คืน และนำกระบอกใหม่ไปจำนำต่อกับรายอื่น บางส่วนถูกขายในตลาดมืด เพราะต้องการนำเงินไปเล่นการพนัน ที่ติดอย่างหนัก



นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่าคดีนี้มีนายศักดา คล้ายร่มไทร อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคดีอัยการทุจริต ภาค 1 เจ้าของสำนวน ได้ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับ



ดาบตำรวจชวลิต หลังถูกจับกุมได้ เมื่อปลายเดือนตุลาคม ซึ่งได้ยื่นฟ้องต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 หลังจากได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวน ซึ่งส่งให้พนักงานอัยการเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมปลายปีที่ผ่านมา ได้พิจารณาและประสานกับพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในสำนวนการสอบสวนหลายประเด็น



นับเป็นคดีที่อัยการ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคดีอัยการทุจริตภาค 1 ทำงานได้อย่างรวดเร็ว กระทั่งศาลพิพากษาลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการทรัพย์



ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ฐานพาอาวุธปืน รวม 28 กระทง กระทงละ 5 ปี ฐานค้า หรือจำหน่ายอาวุธปืน 6 กระทง กระทงละตลอดชีวิต จำเลยรับสารภาพ รวมจำคุก 256 ปี 168 เดือน ตามกฎหมายคงจำคุกได้ 50 ปี ให้จำเลยคืนอาวุธปืน หรือใช้ราคา 1,340,395.93 บาท และใช้ราคา 21,430.08 เหรียญสหรัฐ



พฤติการณ์คดีนี้ ด.ต.เชาวลิต ได้ปลอมเอกสารราชการ ไปรับอาวุธปืนหลวง มาจาก กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี แล้วนำไปจำนำกับบุคคลภายนอก จำนวน 47 กระบอก และยังนำอาวุธปืนของทางราชการที่อยู่ในความครอบครองในหน้าที่ ไปจำนำกับบุคคลภายนอกอีก 115 กระบอก โดยขณะนี้ทราบว่ายังมีปืนสงคราม ที่ยังตามกลับคืนมาไม่ได้หลายกระบอก