สังคม

ผบ.ตร.สั่งอายัดเงิน 6 ล้านของ 'ชูวิทย์' ไว้เป็นของกลาง เรียกสอบทุกคนที่เกี่ยวข้อง

โดย panisa_p

29 มี.ค. 2566

66 views

พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะนำเงิน 6 ล้านบาท ที่ระบุว่าได้รับจากสารวัตรซัว พร้อมกับบันทึกคำให้การที่ไปที่มาของเงิน มาส่งมอบให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ น่าเชื่อได้ว่าเงินดังกล่าวอาจเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด



ซึ่งตอนนี้ทางกองบังคับการปราบปราม กำลังสอบสวนคดีของสารวัตรซัวอยู่จะมอบหมายให้กองปราบปราม รับเงินมาในรูปแบบของ "ของกลาง" เพื่อนำไปสืบสวนข้อเท็จจริงต่อ และจะเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบ ทั้งนาย ชูวิทย์ ทนายตั้ม  พลตำรวจตรี อ.อ่าง  พลตำรวจโท ป.ปลา เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏ



ส่วนกรณีที่นายสันธนะ ออกมาเปิดเผยว่า เงินจำนวนนี้ไม่ใช่ของสารวัตรซัว ก็ต้องให้สืบสวนก่อนว่าเป็นเงินของใครกันแน่ส่วนพฤติการณ์ของนายชูวิทย์ที่มีการรับเงินมานั้น จะเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินหรือไม่ ก็ต้องรอดูการสอบปากคำนายชูวิทย์ และบุคคลที่เกี่ยวข้องก่อน คาดว่าทันทีที่ได้เงินคืนจากโรงพยาบาล นายชูวิทย์จะนำมามอบให้ทันที



นายสันธนะ เผยคุยกับเจ้าของเงิน 6 ล้านแล้ว เป็นกลุ่มทุนที่อยากซื้อลาลิซ่าจริง และฝากเงินมาทำบุญกับนายชูวิทย์เท่านั้น ซึ่งภาพนี้ถ่ายวันที่ 30 มีนาคม 65 ยืนยันเป็นความจริงทั้งหมด และไม่ได้ออกมาแก้ต่างให้ใคร



นายสันธนะ ประยูรรัตน์ ไปที่กองปราบปราม เพื่อทำหนังสือร้องเรียนให้พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อชี้แจงถุงเงิน 6 ล้านบาท ที่นายชูวิทย์ได้มา และความคืบหน้าเรื่องของสารวัตรซัวที่เคยร้องเรียนมาก่อนหน้านี้ จากนั้นนายสันธนะ เปิดภาพ พลตำรวจโท เปี๊ยก บอกคนนี้เป็นรุ่นน้องและลูกน้องเขา แต่กลายมาเป็นลูกพี่ของนายชูวิทย์ และวันที่ไปมอบถุงเงินไม่ใช่วันที่ทนายตั้มนำภาพมาเผยแพร่ เพราะภาพนั้นถ่ายวันที่ 30 มีนาคม 2565



โดยยอมรับว่า คนขวา คือ พลตำรวจโทเปี๊ยก วันที่ไป นายชูวิทย์ ไม่อยู่เลยหิ้วกลับ และเงินในถุงเป็นของชายที่ชื่อ "อ๊อด บ้านทนายเชียงใหม่" บอกว่าเห็น นายชูวิทย์ ชอบทำบุญเลยนำเงินมาฝากไปทำบุญ ในถุงเงินมี 6 ล้านบาทจริง และไม่เกี่ยวกับสารวัตรซัว พร้อมตั้งข้อสังเกตทนายตั้มนำมาโพสต์ทั้งที่ข้อมูลไม่ถูกต้อง แต่ชูวิทย์กลับกระโดดรับลูกทันที แล้วบานปลายไปถึง "นายพลตำรวจ" หลายคนทั้งที่เกษียณและยังอยู่ในราชการ



นายสันธนะ บอกด้วย อ๊อด เป็นกลุ่มทุนที่อยากจะมาซื้อธุรกิจอาบอบนวด "ลาลิซ่า" ของนายกำพล จริง และรู้จักกับ "สัก ซีดี" ชายคนซ้ายที่อยู่ในภาพมานาน เพราะเคยทำธุรกิจวงการเดียวกันมา และอยากทำบุญกับ นาย ชูวิทย์ แต่ นาย อ็อด ไม่ได้รู้จักนาย ชูวิทย์ โดยตรงจึงมีการแนะนำผ่านกันมากระทั่งได้มาเจอกับ พลตำรวจโท เปี๊ยก และนำเงินไปให้นาย ชูวิทย์ เท่านั้น ส่วนเรื่องสารวัตรซัวจะนำเงินมารวมด้วยไหม ส่วนตัวยังไม่เคยได้ยินว่าสารวัตรซัวจะมาลงทุนในธุรกิจนี้



ส่วนคดีที่เขาออกมาแฉเรื่องโรงแรมเดวิสปล่อยให้นักเที่ยวเข้าไปเสพยาเสพติด และเปิดสถานบันเทิงเกินเวลา แล้วมีเรื่องฟ้องร้องกัน ซึ่งศาลเพิ่งจะประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา เขาขอท้าหากนาย ชูวิทย์ชนะคดีนี้ ยอมจ่าย 100 ล้านบาทและถอนตัวจากวงการแต่ถ้าเขาชนะคดี นาย ชูวิทย์ ต้องจ่าย 100 ล้าน และทนายคู่ใจต้องนำใบประกอบวิชาชีพคืนสภาทนายความด้วย



ล่าสุดคุณชูวิทย์ เขียนความเห็นใต้โพสต์ของตัวเองที่เขียนถึงเรื่องราวของสื่อสารมวลชนว่า "พรุ่งนี้ สันธนะจะเสร่อไปขอเข้าพบบิ๊กก้องที่สอบสวนกลาง ศาลเพิ่งจะประทับรับฟ้องไปหมาดๆ เมื่อวาน ทนายอนันต์ชัยนั่งถูมือรอดูอยูคงได้โดนซัดอีกคดี ขณะที่เมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) นาย ชูวิทย์ เดินหน้ารณณรงค์เรื่องไม่เอากัญชาเสรีที่แยกอโศก เดินแจกเข็มกลัดต่อต้านคอร์รัปชั่นและเข็มกลัดต่อต้านกัญชาเสรี



จากนั้นตั้งโต๊ะแถลงข่าวบริเวณแยกอโศกมนตรี ฝั่งห้างสรรพสินค้า terminal 21 ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก พร้อมกับบอกว่า มีการจ้าง 100 ล้านบาท เพื่อให้เขาหยุดพูด แต่เขาไม่หยุด ส่วนเงิน 6 ล้านบาทหลังจากโรงพยาบาลส่งคืนจะรีบเบิกใส่พาน เหมือนเงินสินสอดงานแต่ง แล้วตั้งขบวนแห่ เพื่อนำไปมอบให้กับคนๆ หนึ่ง รับรองว่าจะเซอร์ไพรส์ และจะพูดทุกเรื่อง

คุณอาจสนใจ

Related News