ปปส.เผยตั้งรางวัลนำจับ ผตห.ยาเสพติดกว่า 200 หมาย เป็นเงิน 42 ล้าน รวม 'เอ็ดดี้และเมีย'

ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่อยู่ในกลุ่มระดับสั่งการหลายคน ที่ตำรวจขยายผลจากการจับกุมรายย่อย จนสาวไปถึงตัวได้แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็จะหลบหนีหมายจับไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านทันที



โดยรายล่าสุดที่มีชื่อพัวพันทั้งการฟอกเงินจากยาเสพติด พนันออนไลน์ และกองสลากพลัส คือนายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ หรือเอ็ดดี้ และภรรยา ที่ถูกออกหมายจับพร้อมกัน ซึ่งตำรวจได้ยึดทรัพย์สินกว่า 1พันล้านบาท แต่ทั้งคู่ได้หลบหนีออกนอกประเทศ และขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตั้งรางวัลนำจับทั้งสองสามีภรรยาจำนวน 2 ล้านบาท



นอกจากนี้ยังมีผู้ค้ายาเสพติดรายอื่นอีกกว่า 200 เป้าหมายที่มีรางวัลนำจับ รวม 42 ล้านบาท



เมื่อชื่อนายพันณรงค์ ขุนพิทักษณ์ หรือเอ็ดดี้ และ นส.กัลยวีร์ ธีระประภาวงศ์ ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของตำรวจกองกำกับการ 2 สืบสวนสอบสวนนครบาล ชุดตำรวจที่ถูกโยกย้ายออกจากหน่วยไปแล้ว



หลังสืบสวนสอบสวนคดีฟอกเงินของบริษัทอัลลัวร์ กรุ๊ป โดยในคดีมีนายพันณรงค์ นำเงินจากธุรกิจผิดกฎหมายไปฟอกเงิน ซื้อหุ้นกับนายดีลยัง ลูกเขย สมาชิกวุฒิสภาที่เป็นกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่ และนายทุน มินลัต ที่ถือหุ้นใหญ่เช่นกัน



ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้ประกาศรายชื่อเป้าหมายบุคคลตามหมายจับ ในโครงการประกาศสืบจับผู้ต้องหาคดียาเสพติด รายสำคัญ ประจำปี 2566 มีรายชื่อนายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ หรือเอ็ดดี้ และนางสาวกัลยวีร์ ธีระประภาวงศ์ หรือจอย ภรรยาคนที่ 2 มีเงินรางวัลนำจับ 2 หมาย จำนวน 2 ล้านบาท



ซึ่งตลอดที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า หลังจากนายเอ็ดดี้ จ่ายเงินสดจำนวน 300 ล้านบาท ซื้ออัลลัวร์กรุ๊ป ต่อจากลูกเขยสมาชิกวุฒิสภา จนถูกออกหมายจับในข้อหาสมคบฟอกเงินในคดียาเสพติด เมื่อวันที่ 9 กันยายน ปี2565 พร้อมกับนางสาวกัลยวีร์ ซึ่งเป็นภรรยาคนที่ 2 แต่ทั้งสองได้หลบหนีออกนอกประเทศ



และมีข่าวว่าไปซื้อโรงแรม อยู่ที่ประเทศอังกฤษ พร้อมกับลูกน้อง ซึ่งเป็นดารา นักแสดง เป็นเครือข่ายพนันออนไลน์ ที่ถูกโซเชียลเปิดเผยชื่อว่า ทำเว็บพนันให้กับนายเอ็ดดี้



การประกาศรายชื่อ สืบจับผู้ต้องหาคดียาเสพติด มีทั้งหมด 206 เป้าหมาย รวมเงินรางวัลนำจับทั้งหมด กว่า 42 ล้านบาท โดยรายชื่อที่ประกาศจับ มีทั้งนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่ถูกทางการออกหมายจับไว้ตั้งแต่ ปี 2550 คือ นายวีระ หมื่นจะดา โดยนายวีระได้เข้าไปสร้างฐานในแหล่งผลิตที่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นลูกเขยของพันเอก จะลอโบ มีทรัพย์สินที่ถูกตำรวจเข้าตรวจยึดในไทยนับ 100 ล้านบาท



และยังเชื่อมโยงไปยังเครือข่ายมันทุกเม็ด ซึ่งมีนายปัณณวิชญ์ ประทุม หรือโก๋แก่ ถูกออกหมายจับเมื่อปี 2564 มีรางวัลนำจับ 1 ล้านบาทเช่นกัน



และผู้ที่มีข่าวว่าได้จัดฉากแกล้งตาย โดยจัดงานศพ ในช่วงที่ผ่านมา คือนายฐปนันทน์ ธรรมรัตน์ธาดา หรือหนูเฉิน ถูกออกหมายจับตั้งแต่ปี 2563 มีประกาศให้รางวัลนำจับ 1 ล้านบาท



โดยการประกาศให้รางวัลนำจับรวมแล้วกว่า 42 ล้านบาท จะแบ่งเป็นเครือข่ายรายใหญ่ จะมีรางวัล 1 ล้านบาทต่อ1เป้าหมาย ประกอบด้วย / นายวันเฉลิม กมลเลิศ หรือโน๊ต ดินแดง / นาย

ศดายุ เหลืองประดับใจ และนายการียา เจะมามะ อดีต สจ. จ.นราธิวาส ที่ถูกยึดทรัพย์รวม 50 ล้านบาท



ส่วนรายอื่นยังมี นายอุสมาน สะแลแมง / นายโล่ง แซ่ลี / นายเจษฎา ยาเปี่ยง เงินรางวัลนำจับ 6 แสนบาท และรางวัลนำจับ 4 แสนบาท คือ นายฐาปนันท์ ไชยสุต / นายสุกสะหวาด หรือบิลลี่ สัญชาติลาว  โดย นายสุเชษฐ์ สุวรรณวงศ์ หรือ อ้วน เซียงตึ้ง ซึ่งหนีออกนอกประเทศไปเมื่อปี 2564



โดยหมายจับครั้งนี้ยังมีผู้หญิง ที่อยู่ร่วมในเครือข่ายยาเสพติด มีรางวัลนำจับหลายคน คือ นางปัทมา บัวการกิจ / นส.กนกวรรณ ประสาทเขตการ / นางมนิดา อำพลรุ่งโรจน์ นส.มัตติกา ชุมภูสืบ / นส.สันศนี แซ่ท่อ / นส.อุไรวรรณ พาผล และ นส.รัชนีกร สารวงษ์ โดยกลุ่มผู้ต้องหาเหล่านี้ ที่หนีออกไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน หลายกลุ่ม บางกลุ่มไปส้างเครือข่ายอยู่ฝั่งตรงข้ามชายแดนไทย สั่งยาเข้ามายังไทยจำนนหลายล้านเม็ด และล่าสุดที่จับได้ เป็นเครือข่ายนายหนูเฉิน ที่ส่งไอซ์เข้ามา 1 ตัน