รฟม.​ แถลงโต้ 'ชูวิทย์' ยันไม่มีมูลความจริงปมเงินทอน 3 หมื่นล้านบาท ท้าให้เปิดหลักฐาน

ความเคลื่อนไหวเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางเข้าร้องเรียนนายกรัฐมนตรีว่ามีการทุจริตในโครงการจนรัฐต้องจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นกว่า 6 หมื่นล้านบาท


นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาลตามที่นัดหมายสื่อมวลชนเวลา 13.00 น.เพื่อขอเข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ตรวจสอบการทุจริตงบประมาณหมื่นล้านในกระทรวงคมนาคม รวมไปถึง การทุจริตในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการทุจริตอื่นๆ ทันทีที่ นายชูวิทย์ มาถึงสำนักงาน ก.พ. ฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาลได้ทำท่าสูบบุหรี่ไฟฟ้าปลอมโชว์สื่อมวลชน พร้อมกล่าวท้าทาย "กล้าเปล่า กล้าจับหรือเปล่า"


ส่วนเรื่องการทุจริตในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม นายชูวิทย์ใช้ภาพประกอบโดยแบ่งเป็น 5 สถานี คือสถานีโกง สถานีทุจริต สถานีฮั้ว สถานีทอน สถานีปลิว นายชูวิทย์ กล่าวหาว่าการทุจริต เริ่มจากการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ TOR ทั้งที่ปิดการซื้อขายไปแล้ว ทำให้จากเดิมที่รัฐต้องจ่ายเงิน 7,000 ล้านบาท รัฐกลับต้องจ่ายเป็น 70,000 ล้านบาท


นายชูวิทย์ให้เหตุผลประกอบว่าโครงการมีการฟ้องร้องในศาลปกครอง โดยศาลชั้นต้นไม่ให้เปลี่ยนหลักเกณฑ์ แต่กลับมีการวิ่งเต้นทำให้ที่ประชุมมติเปลี่ยนหลักเกณฑ์ ส่วนหลักฐานประกอบการกล่าวหานายชูวิทย์ระบุว่ามีหลักฐานแต่ไม่สามารถเอามาบอกได้หมด


จากนั้นนายชูวิทย์ ได้เดินเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล โดยมีทีมงานของ นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินคู่กับนายชูวิทย์ เพื่อที่จะเชิญให้นายชูวิทย์มาพบกับนายพีรพันธุ์ ซึ่งนายพีรพันธุ์ ได้ยืนต้อนรับ และกล่าวว่า พร้อมจะรับฟังข้อมูลที่นายชูวิทย์ จะนำมาบอกในวันนี้ที่ผ่านมาได้ติดตามการทำงานของนายชูวิทย์มาตลอด โดยเฉพาะเรื่องทุนจีนสีเทา ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ติดตามและรายงานความคืบหน้าทุก 15วัน จากนั้นนายพีรพันธุ์ ได้เชิญนายชูวิทย์ขึ้นไปพูดคุยที่ห้องทำงานชั้น3 ในตึกบัญชาการ1 ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายชูวิทย์เข้าไปพบนายพีรพันธุ์ นายกรัฐมนตรีได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า


ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมานายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม.​ แถลงด่วนชี้แจงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ตั้งข้อสังเกตุต่อการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี ใน 5 ประเด็นที่มีการกล่าวถึง โดยระบุว่าได้ดำเนินการโครงการตามกฎหมาย และขอให้นายชูวิทย์ แสดงหลักฐาน ประเด็นเงินทอน 3 หมื่นล้านบาท ผ่านบัญชีธนาคาร โดยทาง รฟม.ยืนยันว่า ข้อกล่าวหาของนายชูวิทย์ ไม่มีมูลความจริง และหากนายชูวิทย์มีหลักฐานเอกสารตามที่กล่าวอ้าง ก็ขอให้นำมาแสดงให้สาธารณชน และส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพื่อเป็นที่ประจักษ์ด้วยว่าเป็นการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายหรือไม่