สังคม

ฝากขัง ผตห. แก๊งทำร้ายแอดมินเว็บพนัน ค้านประกัน ชี้โทษสูงหวั่นหนี

โดย panwilai_c

11 ก.พ. 2566

127 views

ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวกลุ่มผู้ต้องหา 4 คน จากจำนวน 5 คน ที่ตำรวจนครบาลโชคชัยนำตัวฝากขัง จากคดีที่ร่วมกันทั้งหมด 7 คน ทำร้าย กักขังหน่วงเหนี่ยวและปล้นทรัพย์วิศวกรโปรแกรมเมอร์ และอดีตแอดมินเว็บพนันออนไลน์ ด้วยเหตุแห่งพฤติการณ์ก่อเหตุที่ร้ายแรง และผู้เสียหายให้การก่อนหน้านี้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังเว็บเป็นตำรวจยศพลตำรวจตรี ที่เพิ่งโยกย้ายจากจังหวัดชลบุรี ขึ้นเป็นระดับผู้บังคับการ ที่หน่วยงานแห่งหนึ่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ



ศาลอาญารับฝากขังผู้ต้องหาที่ร่วมกันรุมทำร้ายอดีตแอดมินเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งเหตุเกิดที่ จ.ชลบุรี และต่อเนื่องกับพฤติกรรมร่วมกันปล้นทรัพย์ ซึ่งเหตุเกิดย่านลาดพร้าว โดยศาลอนุญาตฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 5 คนนี้ ผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน



ระหว่างนี้ผู้ต้องหาทั้ง 5 ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 5 แสนบาท โดยศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวหญิงวัย 32 ปีคนหนึ่ง เนื่องจากตั้งครรภ์ ส่วนอีก 4 คน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าพฤติการณ์คดีร้ายแรง มีอัตราโทษสูง หากปล่อยตัวชั่วคราว อาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรืออาจหลบหนี ศาลจึงยกคำร้อง ผู้ต้องหาทั้ง 4 คนประกอบด้วย นายชัยชนะ /นายธเนศ /นายกฤษฎา /และนายสุทัศน์



คำร้องขอฝากขังต่อศาลระบุว่า ผู้เสียหายในคดีนี้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแอดมินเพจพนันออนไลน์ ถูกนัดแนะให้ไปพบกลุ่มผู้ต้องหาที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรีเมื่อ 12 มกราคมที่ผ่านมา เมื่อไปถึงก็ถูกกลุ่มผู้ต้องหาสอบถามเกี่ยวกับยอดเงินรายได้จากเว็บพนันออนไลน์ที่ลดลง ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาเชื่อว่าผู้เสียหาย ยักยอกหรือโกงไป จึงทวงถามจนเกิดการรุมทำร้าย และบังคับให้โอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร ผ่านแอพลิเคชั่นทางโทรศัพท์ จากนั้นก็ขู่บังคับเอาข้าวของมีค่าทั้งแท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ รวมกว่า 1 แสนบาท



จากนั้นนำตัวพามาค้นห้องพักแห่งหนึ่งที่ถนนลาดพร้าว ท้องที่นครบาลโชคชัย ก่อนจะหลบหนีไป โดยสรุปแล้วคดีนี้มีผู้ถูกออกหมายจับรวม 7 คน มอบตัว 5 คน ยังหลบหนี 2 คน โดยคนที่มอบตัวเมื่อนำส่งศาล ศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวเพียงหนึ่งคน และไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวอีก 4 คนดังกล่าว



ขณะเดียวกัน พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.เปิดเผยเมื่อคืนนี้หลังจากควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไว้ได้ โดยระบุว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหา ด้วยการตรวจสอบข้อมูลเบาะแสจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ของผู้เสียหาย เพื่อให้กลุ่มผู้ต้องหานำไปใช้ข่มขู่ผู้เสียหาย ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

คุณอาจสนใจ

Related News